คนที่อ่านบทความนี้คงเริ่มจะสงสัยแล้วว่าทำไมเมื่อเราขายสินค้าแล้วทำไมขายไม่ได้สักทีเหมือนกับคนอื่นๆ ซึ่งบางคนยอดปังอย่างมากแต่ทั้งๆ ที่เราก็ทำเหมือนกับเค้าก็ขายไม่ดีเท่ากัน รวมถึงได้ทำทุกทางแล้วก็ยังไม่มีคนซื้อสินค้าอยู่ดี จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเราจะหาสาเหตุไม่ได้เลย เดียวเราจะมาค่อยๆ เจาะถึงสาเหตุแต่ละข้อกันว่ามีอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยทำให้ไม่มีคนซื้อสินค้าของเรา และเราจะแก้ไขมันได้อย่างไร
ขายของไม่มีคนซื้อ ? ทำทุกวิธีก็ยังไม่ได้ กับ 5 เหตุผลว่าทำไมคุณถึงขายไม่ออกสักที ? (กดเลือกอ่านได้)
1. ไม่มีการเข้าถึงเลย
ต้องเข้าใจก่อนว่าตอนนี้แพลตฟอร์มมีจำนวนจำกัด โดยมีไม่กี่แพลตฟอร์มเท่านั้นที่เป็นที่นิยมและมีคนเข้าใช้งานเยอะ คุณอาจจะต้องเจอคนขายสินค้าต่างๆ มากมาย แน่นอนว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้นและต้องแข่งกับคนอื่น เบื้องต้นหากคุณขายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียลองปรับเปลี่ยนจากการทำโพสต์เขียนเป็นประเภทวิดีโอบ้าง
เพราะปัจจุบันหลายแพลตฟอร์มเริ่มเน้นการนำเสนอผ่านวิดีโอมากขึ้น เราอาจจะรวมรูปที่เราทำไว้หรือรูปจากแบรนด์มาทำเป็นวิดีโอแกลลอรี่เพื่อนำเสนอก็ได้ รวมถึงการแชร์คอนเทนต์ไปยังที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึง ทั้งนี้ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อทดสอบว่าคอนเทนต์ไหนเวิร์คและสามารถดึงดูดใจผู้อ่านได้ ลองอ่านแนวทางจากบทความเหล่านี้ได้เลยนะ
2. สินค้าเหมือนกับคนอื่น
สินค้าเหมือนกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่มักจะเกิดขึ้นกับคนขายของออนไลน์คือเมื่อเห็นสินค้าตัวไหนขายดีก็มักจะหยิบสินค้าชนิดนั้นมาขายด้วยเสมอ ซึ่งเป็นธรรมชาติอยู่แล้วเมื่อขายอะไรดีก็มักจะมีคู่แข่งใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกือบทุกคนคิดเหมือนเรากันหมด แน่นอนว่าก็จะมีสินค้าชนิดเดียวกันวางขายเต็มไปหมดและเกิดเป็นคู่แข่งของคุณ ทีนี้แหละก็เป็นปัญหาตรงนี้สินค้าของคุณถูกคนอื่นๆ เบียดหายออกไปจากตลาดได้เช่นกัน
ทางแก้คือคุณอาจจะต้องหาความแตกต่างให้ได้จากคนอื่นเช่น การเพิ่มบริการเสริมเข้าไป การทำ Bundle Products ที่ใกล้เคียงกัน หรือการทำรูปรูปภาพใหม่ให้ดูแตกต่างก็ได้
3. ทำอะไรแบบเดิมๆ
สังเกตได้จากธุรกิจใหญ่ๆ มักจะมีอะไรใหม่เสมอทุกปีเป็นประจำ เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์รวมถึงเป็นการเปลี่ยนวิธีการใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น หากคุณเป็นคนที่ขายของออนไลน์และใช้วิธีการขายแบบเดิมๆ เขียนแบบเดิมๆ ก็อาจจะลองปรับเปลี่ยนเนื้อหาใหม่ เปลี่ยนคำ เปลี่ยนรูป เปลี่ยนสไตล์การนำเสนอก็ได้เหมือนกัน ถึงแม้บางอันไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากนักแต่มันก็ช่วยให้เราได้ข้อมูลและสามารถนำมาปรับปรุงต่อยอดได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงหากปกติคุณขายสินค้าด้วยการโพสต์อย่างเดียวไม่มีโปรโมชั่นใดๆ ก็ลองนำเสนอโปรโมชั่นหรือขยายช่องทางเพิ่มเติมดูก็สามารถเพิ่มยอดขายและทำให้เรามีโอกาสในการขายสินค้าได้ด้วย
4. ราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญ
เรื่องราคาก็เป็นเหตุผลหลักๆ ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะสินค้าพื้นฐานหรือไม่ก็เป็นสินค้าที่แมสอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ช่วงนึงน้องบองกำลังฮิตทำให้ใครๆ ก็ขายน้องบอง ช่วงนั้นด้วยปริมาณที่คนขายแทบจะมากกว่าผู้ซื้อทำให้เกิดการตัดราคาหนักอย่างมาก
ใครที่ขายแพงก็หมดโอกาสในการขายไปเลยก็มี ดังนั้นหากสินค้าของคุณเป็นสินค้าประเภททั่วๆ ไปที่มีขายเยอะแยะเรื่องราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ถ้าอยากทำให้เราขายราคาเดิมได้และขายออกเหมือนกับคนอื่นก็อาจจะลองปรับเรื่องบริการ การรับประกัน หรือส่วนอื่นๆ เพื่อให้ดูเหนือกว่าและแตกต่างกว่าคู่แข่ง เพื่อลบจุดอ่อนทางด้านราคาออกไป
5. ร้านค้ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่
บางครั้งลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อเพราะภาพลักษณ์ร้านค้าดูน่าเชื่อถือก็มี โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับด้านความงามที่จำเป็นต้องเน้นรูปภาพ วิดีโอให้มีความสวยงามดูน่าสนใจ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้ขาย หากคุณใช้รูปง่ายๆ บางครั้งลูกค้าอาจจะไม่มีความเชื่อมั่นในตัวสินค้าที่เราขายก็ได้ ดังนั้นลองหันมาใส่ใจด้านการทำคอนเทนต์ การทำรูปภาพ รวมถึงวิธีการนำเสนอดู รวมถึงอาจจะโพสต์รีวิวของลูกค้าของเราก็สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือได้เช่นกัน
กรอบรูปสินค้า Manyframe กรอบรูปสินค้าออนไลน์ไม่ต้องจ้างกราฟิก ทำได้ผ่านทั้ง Canva Photoshop และแอพในมือถือ ตกเพียงกรอบละ 0.8 บาทเท่านั้น
6. อย่าละเลยเกี่ยวกับด้านการตลาด
การทำการตลาดก็มีความสำคัญอย่างมากแม้กระทั่งกับการขายของออนไลน์ การตลาดไม่ใช่เพียงแต่การโฆษณาหรือว่าใช้การจ่ายเงินเป็นปริมาณมหาศาลเท่านั้น แต่เราสามารถทำมันได้โดยที่เราต้องรู้ความต้องการของลูกค้า การเข้าหาลูกค้า รวมถึงการที่สินค้าของเราจะช่วยแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้อย่างไร ลองไปปรับพวกเนื้อหา การนำเสนอ การทำวิดีโอ แต่ถ้าอยากให้เข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นอาจจะต้องมีการนำเงินไปลงทุนทำโฆษณาเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ก็ได้
ในด้านของการทำการตลาดก็มีหลากหลายมิติและปรับเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณเองก็จำเป็นจะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ เพราะเมื่อไหร่ที่เราไม่ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองแล้ว ก็มีโอกาสที่จะโดนทำให้ออกจากตลาดได้ หากใครสนใจเรื่องการตลาด ลองอ่านบทความเหล่านี้ดูก่อน
สรุป
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการขายไม่ออกหลักๆ ก็จะมีในเรื่องของการที่ร้านค้ามีคนเข้าถึงน้อยมากๆ ทำให้คนไม่รู้จัก รวมถึงการขายสินค้าชนิดเดียวกับคู่แข่งที่มีจำนวนมากบนตลาดอยู่แล้ว ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลายและทำให้สินค้าของเราไม่ถูกพบเจอโดยลูกค้า ซึ่งวิธีเหล่านี้มันก็มีการแก้เบื้องต้นด้วยการปรับเปลี่ยนเนื้อหานำเสนอ การทำคอนเทนต์ใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางการขายใหม่ๆ อื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อให้เราเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าเดิม ก็ช่วยทำให้สินค้าของเราขายได้อีกด้วย