ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง Meta ได้เผชิญกับเรื่องหุ้นตกที่อยู่ๆ ก็วูบลงไปมากถึง 20% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 7...

วิธีการหากลุ่มเป้าหมาย Facebook แบบง่ายๆ ให้ได้กลุ่มที่มีคุณภาพมากที่สุด
การทำโฆษณา Facebook หรือที่เราเรียกกันว่า “ยิงแอด Facebook” แต่ละครั้งเราต้องมานั่งปวดหัวตลอดว่าจะเลือกกลุ่มเป้าหมาย Facebook ตัวไหนดี กลุ่มนี้ไม่เวิร์คแล้วจะไปตรงไหนต่อได้หรือจะเป็นการทำโฆษณา Facebook ครั้งแรกก็ยังนึกไอเดียไม่ออก หรือหากลุ่มเป้าหมายที่ตัวเองต้องการไม่เจอ งั้นเรามาลองหาไอเดียร่วมกันดีกว่า แล้วนำไปปรับใช้กันดู
วิธีการหากลุ่มเป้าหมาย Facebook แบบง่ายๆ ให้ได้กลุ่มที่มีคุณภาพมากที่สุด (กดเลือกอ่านได้เลย)
1. กลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร?
สำหรับการยิงแอด Facebook เราก็ต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร โดยหลักๆ Facebook จะมีสิ่งที่ต้องกำหนดเมื่อเราต้องทำโฆษณาแบบปกติอยู่ 3 – 4 ตัว ซึ่งหากเรามองตัวโฆษณา Facebook นี้ดีๆ ก็จะเหมือนกับ Market Segment การแบ่งส่วนตลาดนั่นเอง (แต่ Facebook เอามากำหนดแบ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย)
- กำหนดตำแหน่งที่ตั้ง
- กำหนดอายุ เพศ
- กำหนดตามความสนใจหรือพฤติกรรม
- ภาษา (แล้วแต่ธุรกิจจะใช้ ขึ้นอยู่กับสินค้าและบริการด้วย)
คร่าวๆ ให้เราทำความเข้าใจกับสินค้าหรือบริการของเราก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของเราจะเป็นใคร แล้วเราถึงไปกำหนดใส่กลุ่มเป้าหมายใน Facebook อีกครั้งหนึ่ง
สมมติว่าขายหม้อทอดไร้น้ำมัน
กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวอายุ 25 – 50 ปี เน้นกลุ่มคนที่ชอบทำอาหาร หรือมีงานอดิเรกเกี่ยวกับด้านอาหาร หรือเป็นคุณแม่บ้าน ส่วนตำแหน่งที่ตั้งไม่ว่าจะอยู่จังหวัดใดก็ใช้งานได้ อันนี้เดียวให้ Facebook บอกอีกทีว่าที่ไหนมีแนวโน้มมากที่สุดค่อยเน้นจุดนั้น
เมื่อได้ประมาณนี้เท่ากับว่าเราก็จะได้กลุ่มเป้าหมายเบื้องต้นมาแล้ว 1 ชุดนั่นเอง แล้วเดียวเราเอาไปเช็คกันว่าสิ่งที่เราคิดจะพอตรงกับกลุ่มเป้าหมายของ Facebook หรือไม่
2. 6W1H เอามาปรับใช้ให้เข้าใจสินค้าตัวเองมากขึ้น
หากใครยังนึกไม่ออก สามารถใช้หลักการ 6W1H ที่เป็นทฤษฎีทำให้เราเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น แต่ประยุกต์ใช้กับสินค้าหรือบริการของตัวเอง ซึ่งนำมาวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงกัน ช่วยในการทำความเข้าใจกับสินค้าหรือบริการคุณได้เช่นกัน และน่าจะเห็นภาพได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงมันยังสามารถช่วยให้เรากำหนดกรอบของกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการนำเสนอได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย
1. What สินค้าของคุณคืออะไร
แล้วทำไมกลุ่มลูกค้าของคุณต้องซื้อ ตรงนี้อาจจะมองหาจุดขายของผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ เช่น หม้อทอดไร้น้ำมัน ช่วยเรื่องสุขภาพจากการไม่ใช้น้ำมัน หรือการบริการซ่อมรถยนต์เจ้าอื่นอาจจะซ่อมรถธรรมดาแต่งรถแบบทั่วๆ ไปได้ แต่ของเราสามารถปรับแต่งรถธรรมดาให้กลายเป็น Sport ได้ เป็นต้น
2. Where เราจะไปจัดจำหน่ายที่ช่องทางใดบ้าง
แล้วกลุ่มเป้าหมายจะเห็นสินค้าหรือบริการเราได้ที่ไหน? โดยบางสินค้าอาจจะเหมาะกับบางช่องทางเท่านั้น เช่น ขายอสังหาริมทรัพย์ เหมาะกับการขายบนเว็บไซต์มากกว่าเพราะลูกค้าต้องหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจเยอะ ส่วนช่องทาง Social Media ต่างๆ เป็นตัวปูพรมให้ลูกค้าเข้าไปอ่านรายละเอียดต่างๆ บนเว็บไซต์ของเรา หรือถ้าหม้อทอดอาจจะขายบน Facebook, Instagram ได้ดีกว่าบนเว็บไซต์ หรือใช้ Twitter เป็นตัวส่งเสริมเทรนด์การใช้หม้อทอดไร้น้ำมันทำอาหาร
3. When เมื่อไหร่ที่กลุ่มเป้าหมายลูกค้าจะซื้อของเรา
ความถี่เป็นต่อวัน ต่อเดือน หรือต่อปี หรือครั้งเดียว ตรงนี้เหมือนจะไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้วสำคัญต่อการกำหนดราคาความคุ้มค่าในการขาย รวมถึงสำคัญต่อการหาลูกค้าด้วยเช่นกัน หากสินค้าของคุณขายให้ลูกค้าคนเดิมได้แค่ปีละครั้ง สินค้าชิ้นนั้นได้กำไรแค่ 5% ซึ่งน้อยมากๆ พอคุณเห็นและพิจารณาย้อนกลับมาคิดทีหลังมันอาจจะทำให้หมดกำลังใจได้เพราะรู้สึกไม่คุ้มค่า
4. Why เหตุผลที่ทำไมลูกค้าต้องเลือกเราหรือซื้อของเรา?
การซื้อสินค้าของกลุ่มเป้าหมายหรือทุกๆ คน ย่อมมีตัวเลือกในใจมากกว่าหนึ่งอยู่แล้ว (ยกเว้นแต่เป็นสินค้าที่ทำได้เจ้าเดียวในโลกนะ) ดังนั้นหากคุณอยากจะให้กลุ่มเป้าหมายเลือกคุณมากกว่า คุณก็ต้องทำให้ตัวเองมีจุดเด่นมากกว่าเจ้าอื่นให้ได้ เช่น ขายอุปกรณ์ Smart Home รักษาความปลอดภัยในบ้าน เจ้าอื่นอาจจะมีบริการสั่งซื้อแล้วมีวิดีโอสอนการใช้งานการติดตั้งมาให้ แต่เราทำให้เหนือกว่าและเพิ่มมูลค่าได้โดยการ “ออกไปติดตั้งให้ถึงบ้าน” เพียงแค่ลูกค้าบวกเงินเพิ่มอีก 500 บาท ก็มีช่างไปติดให้ถึงบ้านทันที เป็นต้น
5. Who สินค้าหรือบริการของเรา ใครเป็นกลุ่มเป้าหมายกันแน่?
สินค้าทุกชิ้นนั้นย่อมมีกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องมองให้ออกว่ากลุ่มเป้าหมายจะเป็นใคร หลายคนที่คิดไม่ออกเพราะว่ามักจะเอาตัวเองเป็น “ผู้ขาย” มากกว่า “ผู้ซื้อ” ลองวางคำขายของคุณลงก่อน แล้วไปยืนในจุดที่ลูกค้าอยู่ว่าถ้าเป็นสินค้าหรือบริการตัวนี้ เราต้องทำยังไงถึงจะใช้มัน เราต้องทำอะไรอยู่ถึงจะได้ใช้มัน
6. Whom สินค้าของเราต้องมีปัจจัยจากคนรอบข้างมากระตุ้นในการซื้อหรือไม่?
หากสินค้าของเราจำเป็นต้องใช้ปัจจัยนั้นก็ต้องมองต่อว่าใครจะเป็นผู้มีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายของเรา เช่น เราทำธุรกิจปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ย่านสถานศึกษา กลุ่มเป้าหมายอาจจะเป็นนักศึกษาที่อยู่ย่านนั้นก็จริง แต่อิทธิพลการตัดสินใจอาจจะอยู่ที่คุณพ่อคุณแม่เพราะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ หรือเราขายเครื่องสำอาง พบว่า Influencer A เป็นนักรีวิวเครื่องสำอาง และรีวิวเมื่อไหร่คนก็ซื้อมาใช้บ้างตลอด ดังนั้นแล้ว Influencer A อาจจะเป็นผู้มีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณก็ได้
7. How ลูกค้าของเราจะซื้อได้อย่างไร ซื้อได้ที่ไหนบ้าง?
ตรงนี้ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วลูกค้าก็มักจะซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์เป็นหลักในปัจจุบัน แต่ทีนี้ก็ต้องมาคิดต่ออีกว่ากลุ่มเป้าหมายของเราน่าจะไปอยู่แพลตฟอร์มใดบ้าง ยกตัวอย่างอีก ขายเสื้อผ้าแฟชั่นสุดเก๋สไตล์เกาหลี กลุ่มเป้าหมายก็มักจะอยู่ใน Facebook และ Instagram แต่อาจจะได้ใน Instagram เป็นหลักหากภาพสวย คุมโทนดี หากเราเอาเสื้อผ้าไปลงขายใน Twitter อาจจะได้ยอดขายไม่สู้ช่องทางอื่นๆ เท่าไหร่ ดังนั้นก็ต้องคิดกันเสียหน่อยว่าสินค้าหรือบริการของเรานั้นลูกค้าจะหาซื้อได้ที่ไหนบ้าง
ประหยัดต้นทุนในการทำโฆษณาลง 30% และค้นหากลุ่มเป้าหมายให้กับธุรกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย InterestPRO
3. เครื่องมือฟรี Facebook Audience Insights
เครื่องมือสุดเจ๋งจาก Facebook ที่จะช่วยบอกคุณได้แบบดีมากๆ เลยทีเดียวว่ากลุ่มเป้าหมายที่คุณคิดมานั้นตรงหรือไม่กับกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ใน Facebook ซึ่งจะบอกทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับความสนใจเพจ อายุ ที่อยู่อาศัย อุปกรณ์มือถือที่กลุ่มเป้าหมายนั้นใช้งานอยู่ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
เริ่มต้นเปิดหน้า Facebook Ads Audience Insights ขึ้นมาก่อนเลย แต่ต้องเปิดบนคอม iPad Tablet หรืออุปกรณ์ที่สามารถปรับแสดงผลเหมือนกับคอมพิวเตอร์ได้นะ หากใช้เวอร์ชั่นโทรศัพท์มันจะไม่สามารถแสดงผลได้
แอดทดลองใช้งานเมื่อ วันที่ 01 มีนาคม 2564 พบว่าการระบุประเทศหรือจังหวัดอาจจะไม่ขึ้นโชว์แสดงผลในช่องที่กรอกว่าเราเลือกเป็นประเทศอะไรหรือจังหวัดใด แต่ข้อมูลจะเด้งโชว์หน้า Dashboard ตามปกติ ระวังสับสนดีๆ อันนี้แอดทดสอบจากคอมเพียงเครื่องเดียว เมื่อทดสอบกับเครื่องอื่นๆ แล้วได้ผลอย่างไรจะมาอัปเดตอีกครั้งจ้า
เข้าลิงค์แล้วก็จะเจอหน้าตาแบบรูปด้านล่าง ให้กดเลือก “ทุกคนบน Facebook”
ต่อมาในวงสีแดงให้เราใส่ประเทศหรือจังหวัดที่เราต้องการ แต่ในที่นี้แอดจะใส่ “ประเทศไทย” ลงไปเลย ส่วนที่ขีดเส้นใต้ไว้คือเราสามารถดูได้ว่าเราเลือกดูข้อมูลประเทศอะไรอยู่
เลือกเกณฑ์อายุที่เรากำหนดไว้ และเพศที่เราต้องการหากลุ่มเป้าหมาย Facebook ได้เลย
ต่อมาให้เราใส่ความสนใจที่เราลิสต์ไว้เบื้องต้นลงไปได้เลย แล้วหน้า Dashboard ก็จะเปลี่ยนไป
ในรูปหมายเลข 1 แอดค้นหาในช่องด้วยคำว่า “ฟุตบอล”
หมายเลข 2 คือแอดกดมาที่ “การกดถูกใจเพจ”
เบื้องต้นส่วนตัวแอดจะดูก่อนว่าตรงการถูกใจเพจกับหมวดหมู่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายที่เรากรอกลงไปหรือไม่ เน้นว่าการถูกใจเพจถ้าสัก 3 – 6 อันดับแรกใกล้เคียงกับธุรกิจเราก็ถือว่ากลุ่มเป้าหมายนี้ไปต่อได้ (ส่วนตัวแอดพยายามให้ได้ 5 ถึง 6 กลุ่ม จะได้ตรงมากขึ้น) ส่วนหมวดหมู่เองก็เช่นกัน แต่ในภาพด้านล่างถ้าทำธุรกิจรับตัดเสื้อทีมบอล อาจจะต้องหา Scope กลุ่มเป้าหมายให้ได้ชัดเจนมากกว่านี้
นอกจากนี้เราสามารถดูหัวข้ออื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้ง กิจกรรม ข้อมูลประชากรศาสตร์ เพื่อที่เราจะได้นำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์คาดการณ์เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายได้
ทั้งนี้เวลาแอดทำจะใช้คู่กับ Facebook Ads Manager ด้วยในการค้นหา เนื่องจากว่าใน Audience Insight จะไม่บอกว่าจริงๆ แล้วกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้เป็นความสนใจ หรือเป็นตำแหน่งงานกันแน่ เพื่อให้เลือกได้ตรงตามความต้องการก็เลยใช้คู่กัน ดูความแตกต่างได้จากภาพด้านล่างเลย
Ads Manager มีบอกว่าเป็นความสนใจหรืออะไร
Audience Insights ไม่มีบอกว่าคืออะไร
หากเราหากลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับความต้องการของเราได้แล้ว ก็นำกลุ่มเป้าหมายนั้นไปยิงแอด Facebook ได้เลยทันที
4. หาด้วยโปรแกรมเจาะกลุ่มเป้าหมาย InterestPRO
กลุ่มเป้าหมายที่ Facebook แสดงอยู่นั้นมีจำนวนน้อยมากๆ ยิ่งสำหรับกลุ่มเป้าหมายลึกๆ แล้ว Facebook นี่ไม่เอาขึ้นมาโชว์เลยหากเราพิมพ์คำหรือคีย์เวิร์ดนั้นๆ ไม่ถูก แถมบางคำพิมพ์ตรงแล้วก็ยังไม่ขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้นแล้วเนี่ย “โปรแกรมเจาะกลุ่มเป้าหมาย” ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้หากลุ่มเป้าหมายที่แอบซ่อนอยู่ของ Facebook ด้วยการดึง API จากโฆษณา Facebook ออกมาเป็นกลุ่มเป้าหมายให้เราเลือกได้เลย
ข้อนี้แอดจะหากลุ่มเป้าหมายด้วยโปรแกรมเจาะกลุ่มเป้าหมายของ InterestPRO นะครับ
ก่อนอื่นเลยให้เข้าเว็บนี้ https://interestpro.co/
เบื้องต้นเราก็สามารถไปทดลองใช้งานฟรีได้นะ ส่วนของแอดใช้แบบเสียเงินเรียบร้อย
สมมติว่าแอดขายอาหารเพื่อสุขภาพจำพวกสลัดผัก สลัดอกไก่ ไข่ แซนวิซเพื่อสุขภาพ เดียวแอดลองหากลุ่มเป้าหมายจาก InterestPRO ก่อนว่าจะมีอะไรบ้าง แล้วแอดจะเอาไปใส่ใน Facebook Audience Insights ของ Facebook อีกทีว่ากลุ่มเป้าหมายนั้นตรงกับความต้องการของแอดรึเปล่า
ทดลองใช้ฟรี
แพ็คเกจแบบเป็นสมาชิกเรียบร้อย
ในภาพด้านล่าง แอดลองหาคำง่ายๆ เลยเอาแบบกว้างมากๆ แอดไม่มีไอเดียกลุ่มเป้าหมายนี้ เลยต้องให้ InterestPRO ช่วยขุดขึ้นมาให้ว่ามันมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ต่อมาแอดรู้สึกว่ากลุ่มเป้าหมายที่เลือกมานั้น อาจจะยังดูไม่เจาะจงมากพอ เลยว่าจะหาอีกกลุ่มไว้เพื่อนำกลุ่มเป้าหมายนั้นมาจำกัดให้แคบลง และสร้างความแม่นยำให้กับชุดโฆษณามากขึ้น เลยจะหากลุ่มเป้าหมายคนเล่น “Fitness” มาเพิ่มสักหน่อย
แอดไม่รู้เลยว่ากลุ่มไหนกันแน่ที่อาจจะพอเข้ากันได้กับอาหารเพื่อสุขภาพของเราเลยเลือกมาก่อน เดียวมาเช็คใน Facebook Audience Insights อีกทีเดียวมาอธิบายเหตุผลให้ฟังนะว่าขายอาหารเพื่อสุขภาพ เกี่ยวอะไรกับฟิตเนส แต่ถ้าใครเข้าใจแล้วจุ๊ๆ ไว้ก่อนนะ
ได้กลุ่มเป้าหมายแล้ว ทีนี้มาเข้าสูตรกันใน Facebook Audience Insights ทีละตัวได้เลย
กลุ่มเป้าหมายรูปด้านล่างไม่น่าจะเหมาะกับแอดเท่าไหร่ ถึงแม้จะมีฟิตเนสอยู่ด้วย แต่ไม่น่าจะกินสลัดร้านแอดอิ่มแน่ๆ ฉะนั้นจะตัดกลุ่มนี้ออก (จริงๆ แล้วแต่คนนะว่าจะใช้กลุ่มนี้หรือไม่ใช้ก็ได้ แต่ส่วนตัวแอดขอเช็คตัวอื่นก่อนเดียวกลุ่มเป้าหมายจะไปตีกันมากเกินไป)
ส่วนอันล่างแอดว่าโอเคสำหรับแอดแล้ว ก็จะบันทึกลงไปในโน้ตเพื่อเก็บไว้ใส่ในช่อง Interest ของ Facebook Ads Manager เลย
หากเพื่อนๆ มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ในมือแล้วแต่ยังไม่มั่นใจว่าจะตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการรึเปล่า เราก็สามารถนำกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวไปเช็คได้ใน Facebook Ads Audience Insights ได้เลย หากกลุ่มเป้าหมายตรง เราก็ค่อยก้อปไปไว้สำหรับยิงโฆษณา Facebook ต่อไป
5. ไอเดียหากลุ่มเป้าหมาย Facebook
ทำโฆษณา Facebook Ads แต่ละครั้งเราแทบจะหากลุ่มเป้าหมายใหม่เกือบทุกรอบ หรือสำหรับคนที่ทำแอด Facebook ใหม่ๆ อาจจะยังงงว่าต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายยังไง หรือจะต้องใส่ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายสินค้า
ต้องบอกเลยว่าอาจจะไม่ได้ผล เพราะสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ Facebook มี กลุ่มเป้าหมายเค้าไม่ได้ตรงเป๊ะๆ ขนาดนั้น เราจึงต้องมาหากลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมผสมผสานเพื่อให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น เหมือนกับการผสมสีต่างๆ ให้ได้สีที่เราต้องการนี่แหละ
ใส่กลุ่มเป้าหมายแบบผสม
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย Facebook ไม่จำเป็นเพียงแค่เราต้องใส่ชื่อตรงๆ หรือใส่ให้ตรงกับตัวสินค้าเท่านั้น เราสามารถนำกลุ่มเป้าหมายมาผสมรวมกันได้หากเป็นพฤติกรรมใกล้เคียงกันเพื่อให้โฆษณา Facebook ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการมากที่สุด ตัวอย่างเช่น ขายครีมทาผิว ก็สามารถใส่กลุ่มเป้าหมายเครื่องสำอางหรือคลินิกเสริมความงามได้ เพราะจัดอยู่ในหมวดที่ใกล้เคียงกัน
ไปส่องในเพจที่ใกล้เคียงกับเรา
ลองไล่ดูจากเพจคนอื่นว่าคนที่มาคอมเมนต์หรือมาถูกใจเพจเค้าบ่อยๆ ที่ทำไมถึงมา ลักษณะพฤติกรรมเป็นอย่างไร เพื่อที่เราจะได้นำมาปรับปรุงโฆษณาของเราและกลุ่มเป้าหมายของเรา ดังตัวอย่างข้างล่าง สมมติแอดทำเพจเกี่ยวกับคลิปวิดีโอ ก็เข้าไปดูเพจที่ใกล้เคียงกับเราว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร ลักษณะเป็นอย่างไรในเบื้องต้น และนำมาวิเคราะห์ต่อเพื่อทำโฆษณาหรือคอนเทนต์ต่างๆ
ไปไล่ดูจากโฆษณาที่ส่งมาหาเรา
เราสามารถเข้าไปเลือกดูโฆษณาของคู่แข่งหรือบุคคลที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกับคุณ และยังสามารถแอบดูกลุ่มเป้าหมายเบื้องต้นได้อีกด้วย สามารถทำตามรูปด้านล่างได้เลย
วิธีแอบดูโฆษณาที่ส่งมาหาเรา
กลุ่มเป้าหมายที่ Facebook Ads ส่งมา
หาไอเดียโฆษณาเพื่อเอามาปรับใช้กับเพจตัวเองด้วย Facebook Ads Library
เริ่มต้นให้เราเข้าลิงค์นี้ก่อน : Facebook Ads Library เมื่อเข้าเรียบร้อยแล้วก็ทำการกรอกชื่อเพจที่เราต้องการลงในกรอบที่แอดวงไว้เลย อ้อ!! อย่าลืมกดเลือกทั้งหมดนะ ไม่ต้องเลือกประเด็นทางการเมือง
ในตัวอย่างแอดจะกรอกเป็นเพจ Google Ads เท่านี้เราก็จะเห็นโฆษณาของ Google Ads แล้วว่ามีโฆษณาอะไรบ้าง เขียนแคปชั่นยังไง ยิ่งเป็นการยิงแอดจากโพสต์เราก็สามารถไปค้นหาในเพจได้เลยว่าผลตอบรับดีหรือไม่กับการทำโฆษณารูปแบบนั้น แล้วเราก็นำไปปรับใช้เอา
สรุป
การหากลุ่มเป้าหมาย Facebook เท่าที่เจอส่วนใหญ่มักจะนึกไม่ค่อยออก หรือไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของสินค้าตัวเองเป็นอย่างไร เบื้องต้นเราสามารถเอากลุ่มเป้าหมายที่เราคิดไว้ในใจไปเช็คใน Facebook Audience Insights
เพื่อเช็ครายละเอียดว่ากลุ่มเป้าหมาย Facebook นั้นมีความเกี่ยวข้องหรือน่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราหรือไม่ เท่านี้ก็ช่วยสำหรับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเพื่อยิงแอด Facebook ได้แล้ว
หรือถ้าต้องการประหยัดค่าโฆษณา Facebook ก็ใช้โปรแกรมเจาะกลุ่มเป้าหมายของ InterestPRO ให้ช่วยหากลุ่มเป้าหมายที่แอบอยู่ และจะช่วยให้คุณประหยัดค่าโฆษณามากขึ้น
แต่อย่าลืม!! ต้องเข้าใจสินค้า พฤติกรรมลูกค้า ด้วยหลัก 6W1H ด้วยนะ ไม่งั้นกลายเป็นว่าคุณก็จะโพสต์หรือทำคอนเทนต์ไม่ได้ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายมากเท่าที่ควร
ถึงตาของคุณบ้างแล้วล่ะ
การทำโฆษณา Facebook ให้ได้ผลและประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากการโฟกัสไปที่กลุ่มเป้าหมาย Facebook แล้วก็เช็คคอนเทนต์ รูปภาพ รูปแบบการโฆษณาของเราด้วยว่าตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ เพราะองค์ประกอบที่เล่ามาก็อยู่ในส่วนหนึ่งของการทำแอดให้ปัง ออเดอร์เป็นร้อยเป็นพันด้วย ถ้าอ่านจนจบถึงตรงนี้ ก็พร้อมที่จะไปลุยกันได้เลย
หรือใครยังไม่พร้อม ยังไม่มีความรู้ในการยิงแอด Facebook Instagram ก็กดอ่านบทความเพิ่มเติมได้เลย เนื้อหามีสอดแทรกเคล็ดลับอื่นๆ เพิ่มเติมไว้ด้วย