ผลกระทบมาเต็ม !! รู้รึยัง ? ยิงโฆษณา Facebook ต้องเริ่มจ่าย Vat แล้วนะ

ผลกระทบมาเต็ม !! รู้รึยัง ? ยิงโฆษณา Facebook ต้องเริ่มจ่าย Vat แล้วนะ

แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย

ปกติเราทำโฆษณา Facebook หลายคนโดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นยิงโฆษณาก็มักจะไม่ได้บวกค่า Vat เผื่อไว้ทั้งราคาสินค้าและสำหรับการทำโฆษณาที่ต่างๆ ในวันที่ 1 กันยายน 2564 Facebook ประกาศว่าจะเริ่มดำเนินการเก็บ Vat ค่าโฆษณาแล้ว ส่วนรายละเอียดมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

เริ่มจ่ายค่าภาษีโฆษณา Facebook เมื่อไหร่

ใครที่ยิงแอด Facebook จะต้องเริ่มจ่าย Vat ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป โดย Vat จะไม่ถูกรวมเข้าไปในต้นทุนซื้อ แต่ตัว Vat จะถูกคิดเมื่อตอนเรียกเก็บค่าโฆษณา

ถึงแม้ว่าคุณจะใช้บัญชีส่วนตัวหรือบัญชีโฆษณายังไงก็หนีไม่พ้น Vat อยู่ดี พูดง่ายๆ ว่ายังไงก็ไม่รอดถึงจะเปลี่ยนบัญชีเป็นแบบไหนยิงแอดก็ตามที ยังไงเฟสบุ๊คเก็บภาษีคุณแน่นอน

ปัญหาที่เกิดขึ้นแน่ๆ เลยคือ พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบภาษี อาจจะเจอปัญหาเข้าเต็มๆ เพราะบางคนขายสินค้าอาจจะไม่ได้คิดค่า Vat เพิ่มเข้าไป และที่สำคัญหากเดิมบวกกำไรน้อย อย่างเช่น เอากำไรแค่ 20% โดนหักไป 7% ไหนจะต้องเจียดเงินจากที่เหลือตรงนั้นมา สรุปหักไปหักมาไม่เหลือกำไรแน่ๆ

รวมกลุ่มเป้าหมายของสินค้าทุกชนิดไว้ใน E-Book เล่มเดียว ยิงแอดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น

เอาให้เห็นภาพอีกชัดๆ คือ ถ้าคุณเติมเงินเข้าระบบโฆษณา 100 บาท เดิมคือเราสามารถยิงโฆษณาวิ่งได้จนครบ 100 บาทเลย แต่เมื่อเรายิงโฆษณาหลังวันที่ 1 กันยายน กลายเป็นว่าเราจะยิงได้เพียงแค่ 93 บาท เพราะอีก 7 บาทที่เหลือเป็นค่า Vat นั่นเอง

พูดถึงปัญหากันอีกสักอย่าง สิ่งที่เราต้องทำแน่นอนคือการพิจารณาโครงสร้างราคา ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่มีราคาต่ำหรือราคาสูง ย่อมได้รับผลกระทบหมด

ในมุมของคนที่จดทะเบียนบริษัทหรือพวกนิติบุคคลแล้ว พูดง่ายๆ คือคนที่จด VAT คุณจะต้องู้จักกับเอกสารที่ชื่อว่า ภพ.36 เพียงแค่กรอกรายละเอียดและทำตามขั้นตอนเดิมเท่านั้น และอย่าลืมไปกรอกเลข VAT ให้ถูกต้องด้วยนะ ไม่อย่างนั้นแล้วจะถูกบวกเพิ่มเข้าไปอีกกลายเป็น 14% ทันที (ต้องรอให้เริ่มดำเนินการก่อน จริงๆ แล้วค่า Vat รวมกันอาจจะไม่ถึง 14% ก็ได้)

เฟสบุ๊คเก็บภาษี

ตัวอย่างเอกสาร ภ.พ. 36

แอดค่อนข้างเป็นห่วงกับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่มากๆ ที่อาจจะยังไม่รู้เรื่องของการตั้งราคา ตรงนี้อาจจะต้องคิดเรื่องต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงกำไรที่เราต้องการให้รอบคอบมากๆ และหมั่นทำบัญชีตรวจสอบความถูกต้องเสมอด้วยนะ

ฟังเรื่องการเก็บภาษีโฆษณาเฟสบุ๊คผ่าน YouTube

สรุป

ใครที่เพิ่งขายหรือขายมานานกำไรประมาณนึงแล้วยังไม่บวก Vat จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะ FB จะนำส่งให้กับสรรพากร ใครที่ตัดราคา ขายต่ำกว่าทุน ยิงทิ้งคว้าง กลายเป็นว่าอีกไม่นานพังแน่นอน ดังนั้นอาจจะต้องคิดให้รอบคอบเรื่องราคากันสักนิด


แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย
ชำระเงินบนเว็บไซต์ง่ายๆ ด้วย Facebook Pay ฟีเจอร์ใหม่ที่เตรียมใช้กับเว็บไซต์

ชำระเงินบนเว็บไซต์ง่ายๆ ด้วย Facebook Pay ฟีเจอร์ใหม่ที่เตรียมใช้กับเว็บไซต์

แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย

Facebook กำลังจะเปิดตัว Facebook Pay สำหรับชำระเงินบนเว็บไซต์ ใครที่มีเว็บเป็นของตัวเองต้องไม่พลาดติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินผ่านทาง Facebook

ชำระเงินบนเว็บไซต์ง่ายๆ ด้วย Facebook Pay ฟีเจอร์ใหม่ที่เตรียมใช้กับเว็บไซต์ (กดเลือกอ่านได้)

Facebook Pay

ปกติแล้วการจ่ายเงินบน Facebook เราสามารถใช้ได้หลักหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินปลายทาง การโอนเงินผ่านธนาคาร ซึ่งเป็นวิธีทั่วๆ ไปจากการที่เราหรือลูกค้าได้ซื้อสินค้าหรือบริการบนช่องทางของ Facebook แต่เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายนปี 2562 ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์ Facebook Pay เพื่อสร้างความสะดวกในการซื้อสินค้าหรือบริการบน Facebook มากยิ่งขึ้น

เดิมแล้ว Facebook Pay เนี่ยเป็นระบบการจ่ายเงินที่ Facebook พัฒนาขึ้น เพื่อให้คนที่ซื้อของบน Marketplace ชำระเงินได้อย่างสะดวกสบาย มีความปลอดภัยทั้งกับผู้ซื้อและผู้ขายเอง

ระบบชำระเงิน Facebook

การเติมเงินเข้ากับ Facebook Pay ระบบจะทำการ Co กับธนาคารประจำประเทศนั้นๆ ที่มีการเป็นพาร์ทเนอร์กัน เพื่อให้เติมเงินและคอยเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าให้กับผู้บริโภค อย่างในไทยก็จะเป็นธนาคารกสิกร

ในด้านของคนทำเว็บไซต์ โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ คงไม่พ้นที่จะใช้ WordPress หรือเว็บไซต์ของเจ้าใดเจ้าหนึ่ง ซึ่งอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเติมขึ้นในด้านเว็บไซต์แบบ WordPress อาจจะต้องซื้อ Plugin การชำระเงินตัวที่มีหน้าตาใช้งานง่ายๆ และ Friendly กับ User มากชึ้น

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการซื้อของบนเว็บไซต์ข้างนอกคือ ลูกค้าไม่ชอบกรอกรายละเอียดทั้งในการสมัครและรายละเอียดอื่นๆ บนเว็บไซต์ ทำให้พอดูเสร็จแล้วก็จะพยายามหาวิธีการชำระเงินที่อื่นหรือไม่ก็ไม่ซื้อเลย

แต่เมื่อได้ Facebook Pay มาเชื่อมต่อเข้าเว็บไซต์ ผู้ใช้งานสามารถผูกบัญชี Facebook เชื่อมต่อเข้าเว็บโดยที่ไม่ต้องกรอกข้อมูลใดๆ และชำระเงินผ่าน Facebook Pay ได้ทันที

สำหรับด้านความปลอดภัยในการชำระเงินนั้น ลูกค้าจะต้องผูกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของตนเองผ่านระบบธนาคารที่ Facebook เป็น Partner ด้วยก่อน จากนั้นจึงจะสามารถชำระเงินได้ โดยข้อมูลที่ผูกนั้นจะไม่แสดงรายละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น ในด้านร้านค้าเองก็ต้องสมัคร Facebook Pay เช่นกัน โดยผูกบัญชีธนานคารของร้านเข้ากับระบบ Facebook จากนั้นก็พร้อมใช้งานได้ทันที เพียงแค่ลูกค้ากดจ่าย Facebook Pay ปุ๊บ เงินก็พร้อมเข้าบัญชีเราทันที

กรอบรูปสินค้า Manyframe กรอบรูปสินค้าออนไลน์ไม่ต้องจ้างกราฟิก ทำได้ผ่านทั้ง Canva Photoshop และแอพในมือถือ ตกเพียงกรอบละ 0.8 บาทเท่านั้น

ฟังเรื่อง Facebook Pay ผ่าน YouTube 

สรุป

การเปลี่ยนแปลงของ Facebook ครั้งนี้ถือว่าเป็นผลดีกับคนที่ขายของและมีช่องทางเว็บไซต์ด้วย เพราะจะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสในการสั่งซื้อสินค้าได้มากขึ้น เพราะแต่เดิมนั้นหากเว็บไซต์ของเราลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าบ่อยๆ ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะสมัครเป็นสมาชิก และกรอกรายละเอียดต่างๆ อีกมากมาย แต่การที่ได้ Facebook Pay เข้ามาช่วยก็จะทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น Win Win ทั้งลูกค้าและพ่อค้าแม่ค้าเลยทีเดียว


แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย
10 อันดับบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2021

10 อันดับบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2021

แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย

ทุกๆ ปีจะมีการจัดอันดับบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกอยู่เสมอ ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ส่วนมากก็มักจะมาจากอเมริกาและจะมีมาจากประเทศอื่นๆ บ้าง มาดูกันว่า 10 อันดับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกจะมีบริษัทอะไรบ้าง

10 อันดับบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกประจำปี 2021 (กดเลือกอ่านได้)

อันดับ 10 Berkshire Hathaway มูลค่าบริษัท 588,000 ล้านดอลล่าห์

Berkshire Hathaway

Berkshire Hathaway มี CEO คนปัจจุบันคือ ปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่เป็นนักลงทุนชื่อก้องโลก โดยเริ่มต้นบริษัทนี้ยังไม่ได้มีการลงทุนในบริษัทอื่นๆ แต่เป็นเพียงบริษัททอผ้าธรรมดาเท่านั้น แต่หลังจากที่วอร์เรนได้เข้าซื้อ จึงได้เปลี่ยนรูปแบบดำเนินธุรกิจใหม่ และทำหน้าที่ซื้อ – ขาย หุ้นของบริษัทต่างๆ รวมถึงธุรกิจที่ใกล้ล้มละลาย บริหารให้กลับมาแข็งแกร่งและนำไปขายต่อ ทำให้ Berkshire สามารถติด 1 ใน 10 บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกได้

 อันดับ 9 Alibaba Group มูลค่าบริษัท 615,000 ล้านดอลล่าห์

Alibaba Group

รูปจาก Jingdaily

Alibaba Group เกิดขึ้นจากการที่ Jack Ma ต้องการให้ผู้ซื้อผู้ขายสามารถแลกเปลี่ยนซื้อสินค้าได้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และยังเป็นเจ้าแรกของจีน ด้วยโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง บวกกับความเข้าใจ DNA คนจีนของ Jack Ma ทำให้สามารถเข้าใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศ รวมถึงสามารถขยายออกไปต่างประเทศได้อย่างแข็งแรงจากโมเดลธุรกิจที่ดำเนินการอยู่

อันดับ 8 Tesla INC มูลค่าบริษัท 641,000 ล้านดอลล่าห์

Tesla

รูปจาก The Srpska Times

นาทีนี้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ของโลกคงหนีไม่พ้น Tesla ที่เฮีย Elon Musk แกเป็นเจ้าของอยู่ ซึ่งโลกของเรา ณ ปัจจุบันเริ่มให้ความสำคัญเกี่ยวกับพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ Tesla ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า สามารถตอบโจทย์คนรักโลกได้ในระดับหนึ่ง จริงๆ Elon Musk ไม่ได้เป็นเจ้าของ Tesla เพียงอย่างเดียว แต่ยังมี SpaceX ที่เป็นธุรกิจด้านอวกาศเอกชน หากควบรวมกันคาดว่ามูลค่าคงมากกว่านี้แน่นอน

อันดับ 7 Tencent มูลค่าบริษัท 753,000 ล้านดอลล่าห์

บริษัท Tencent

รูปจาก Jingdaily

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งจีน สำหรับในประเทศไทยคงรู้จักบริษัท Tencent จากเกมส์ Moba อย่าง ROV และ LOL นอกจากการพัฒนาด้านเกมส์แล้ว ยังมีธุรกิจ Streaming อย่าง WeTV ด้วยที่เราคุ้นเคยกัน ส่วนในด้านเพลงก็จะเป็นแอพพลิเคชั่น JOOX Music ที่ Tencent เป็นเจ้าของอยู่

อันดับ 6 Facebook INC มูลค่าบริษัท 839,000 ล้านดอลล่าห์

บริษัท Facebook

รูปจาก Quartz

Social Media ยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก ที่ Mark Zuckerberg เป็นผู้สร้างขึ้นมา โดยจะเป็นแพลตฟอร์มที่ไว้สำหรับแชร์เรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล แต่ปัจจุบันก็มีธุรกิจเข้ามาขายสินค้ามากขึ้น จึงมีฟีเจอร์สำหรับการทำโฆษณาเพื่อขายสินค้าโดยเฉพาะ รายได้หลักของ Facebook ก็มาจากโฆษณาเช่นเดียวกับ Google เหมือนกัน

อันดับ 5 Alphabet INC มูลค่าบริษัท 1.4 ล้านล้านดอลล่าห์

บริษัท Google

บริษัทแม่ของ Google ที่เป็นเจ้าของ Search Engine ทั่วโลก สำหรับส่วนแบ่งการตลาดด้าน Search Engine สูงถึง 90% รายได้หลักส่วนใหญ่มาจากโฆษณาของ Google นั่นเอง

อันดับ 4 Amazon.com INC มูลค่าบริษัท 1.6 ล้านล้านดอลล่าห์

Amazon

รูปจาก NewYorkTimes

เริ่มต้นจากการขายหนังสือ และเริ่มหันมาพัฒนาจนกลายเป็นบริษัท eCommerce ที่ใหญ่ทีสุดในโลก นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เด่นอย่าง Amazon Alexa, บริการคลาวด์ AWS ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่หลักๆ คนจะรู้จักด้านเว็บ Amazon ที่ขายสินค้าทุกอย่าง และ Alexa ระบบ AI อัจฉริยะมากกว่า

อันดับ 3 Microsoft Corp. มูลค่าบริษัท 1.8 ล้านล้านดอลล่าห์

บริษัท Microsoft

ใครที่ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นระบบ Window หรือ MacOS หรือคอมพิวเตอร์ไหนๆ อย่างน้อยก็ต้องเคยใช้พวก Word Excel PowerPoint กันมาบ้าง ยิ่งพวก PC หรือ Notebook ทั่วไปก็ต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Window โดยสินค้าส่วนใหญ่ของ Microsoft ก็จะเป็น Digital Product นอกจากนี้ก็ยังมี Surface ที่ดีไซน์เป็น Tablet แต่สามารถใช้ระบบปฏิบัติการ Window ได้อีกด้วย

อันดับ 2 Saudi Aramco มูลค่าบริษัท 1.9 ล้านล้านดอลล่าห์

บริษัท Saudi Aramco

ที่มารูปภาพ Orient XXI

หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ Saudi Aramco บริษัทนี้เป็นบริษัทด้านพลังงานกลุ่มน้ำมันจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่เกิดจากการค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2562 Saudi Aramco จะเข้า IPO หุ้นของบริษัทเป็นจำนวน 5% หากทำได้สำเร็จจะเป็น IPO ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกทันที

อันดับ 1 Apple INC มูลค่าบริษัท 2.1 ล้านล้านดอลล่าห์

Apple

รูปภาพจาก Apple

อันดับหนึ่งของโลกตอนนี้ยังคงเป็นของ Apple อยู่ ถึงแม้ยอดขายจะโดนแบรนด์ต่างๆ อย่าง Samsung Xiaomi ขึ้นมานำอยู่แล้วก็ตาม แต่สำหรับสินค้าอย่าง iPad และ Macbook ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ของ Apple ไม่ได้ลดลงเท่าที่ควร และยังทำให้มีมูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกด้วย

รวมกลุ่มเป้าหมายของสินค้าทุกชนิดไว้ใน E-Book เล่มเดียว ยิงแอดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น

ฟังเรื่อง 10 อันดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกผ่าน YouTube

สรุป

ด้วยโลกของเราปัจจุบันเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนโลกของเราให้ไปข้างหน้า จึงทำให้เกิดนวัตกรรม รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย และทำให้เรามีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น ในอนาคตมาลุ้นกันว่าจะมีบริษัทใหม่ๆ ที่จะมาแทนท็อป 10 ของโลกได้หรือไม่


แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย
วิธีเอาชนะ IG และอัปเดต Instagram Algorithm โดยตรงจากแพลตฟอร์มเอง

วิธีเอาชนะ IG และอัปเดต Instagram Algorithm โดยตรงจากแพลตฟอร์มเอง

แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย

เพิ่มการมองเห็นให้กับโพสต์หรือวิดีโอบน Instagram ของคุณได้ไม่ยาก ถ้ามีความเข้าใจในระบบอัลกอริทึ่ม อัพเดทคราวนี้ทาง Instagram ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบอัลกอริทึ่มเองอีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน

วิธีเอาชนะ IG และอัปเดต Instagram Algorithm โดยตรงจากแพลตฟอร์มเอง (กดเลือกอ่านได้)

อัปเดตระบบ Instagram Algorithm

ในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้มีกิจกรรม Creator Week ทาง Instagram ก็ได้ออกมาอธิบายถึงระบบการทำงานระบบอัลกอริทึ่มให้ผู้ใช้งานได้เข้าใจมากขึ้น และเราสามารถใช้ข้อมูลจากที่ Instagram มาเขียน Content ของเราให้เหมาะสมกับผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น

สิ่งที่ทีมงาน Instagram ได้กล่าวเอาไว้คือ ไม่มีระบบอัลกอริทึ่มที่ครอบคลุมได้ทุกอย่าง หากเรานึกภาพตามระบบอัลกอริทึ่มจะมีเพียงแค่หนึ่งเดียว ที่คอยกำหนดกระบวนการทำงานต่างๆ ตรงจุดนี้แหละทำให้เกิดข้อบกพร่องขึ้น ถ้านึกไม่ออกดูภาพระบบด้านล่างเลย

Centralized

ตัวอย่างศูนย์กลางการควบคุมระบบ

ตัวอัลกอริทึ่มที่ Instagram ใช้งานเป็นตัวเดียวกันกับ Facebook ที่จะใช้ตัวแยกประเภทของการโพสต์ และการปรับการมองเห็นได้สอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้ดีมากที่สุดด้วยความที่มีโพสต์ต่อวัน ต่อเดือน หรือต่อปีเยอะเกิน จึงได้พัฒนาระบบอัลกอริทึ่มเข้ามาใช้งานในการกรองเนื้อหาจากการโพสต์ของผู้ใช้งาน

หากใครพอสังเกตจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2016 ทั้ง Facebook และ Instagram จะเริ่มมองเห็นโพสต์น้อยลง โดยอัลกอริทึ่มเนี่ยจะดึงโพสต์เฉพาะสิ่งที่เราสนใจมากที่สุดมาแสดงโชว์ จากเดิมที่ใครโพสต์อะไรก็จะขึ้นมาแสดงให้เห็นทั้งหมดและเป็นช่วงที่ยังไม่ถูกลดการมองเห็น

สำหรับตัว Story จะเน้นไปทางเพื่อนเป็นหลัก จึงมีตัวฟีเจอร์ Explore and Reels ที่จะนำวิดีโอแบบสั้นมาแสดงให้คุณเห็นตามความสนใจ และวิดีโอแนวโน้มที่คุณจะสนใจ

ด้านของฟีดก็มีตัวชี้วัดที่สำคัญได้แก่  ความนิยมของโพสต์และความเกี่ยวข้องของเนื้อหา โพสต์นั้นมีคนนิยมหรือไม่ รวมถึงวันเวลาในการโพสต์ ที่ยิ่งนานวันก็ยิ่งแสดงให้เห็นน้อยลง ในส่วนของการแนะนำบุคคลก็จะแนะนำบุคคลใกล้เคียงกับเพื่อน คนที่เรามีแนวโน้มที่จะสนใจ บุคคลที่ผู้ใช้งานโต้ตอบภายใน 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

หากมีส่วนร่วมกับวิดีโอมาก ตัวอัลกอริทึ่มก็จะดึงวิดีโอมาแสดงให้เห็น แต่ถ้ามีส่วนร่วมกับโพสต์เยอะก็จะดึงโพสต์ขึ้นมาแสดง แต่ภายหลัง Instagram และ Facebook เองค่อนข้างให้ความสำคัญกับประเภทวิดีโอคอนเทนต์มากกว่า

วิดีโอบน Instagram

ตัวอย่างคอนเทนต์ประเภทวิดีโอ

ตัว Instagram เองจะมีการจัดอันดับจากโพสต์ที่คนมีความนิยมสูงสุดมาอยู่อันดับแรกๆ และไล่เรียงลำดับไปเรื่อยๆ และหากต้องการให้โพสต์หรือวิดีโอคุณขึ้นมาอยู่อันดับแรกๆ ของฟีด ก็จะต้องทำให้เกิดความน่าสนใจ หรือสร้างการมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ส่วนอัลกอริทึ่มของ Reels จะเน้นเฉพาะวิดีโอที่ตลกและเป็นความบันเทิงในการนำมาแสดงให้ผู้ใช้เห็น เนื่องจากว่าจากสถิติผู้ที่ดู Reels จนจบมักจะเป็นคลิปที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงและตลกเสียส่วนใหญ่

รวมกลุ่มเป้าหมายของสินค้าทุกชนิดไว้ใน E-Book เล่มเดียว ยิงแอดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น

ฟังสรุป Instagram Algorithm ผ่าน YouTube

สรุป

สิ่งที่ Marketing In Secret จะแนะนำคือ สำหรับคนที่เป็น Account ทางการหรือ Creator อาจจะต้องสำรวจกลุ่มเป้าหมายของตัวเองก่อนว่ามีลักษณะอย่างไร และชื่นชอบอะไร เพื่อที่เราจะได้ทำ Content ให้ถูกใจ และมีโอกาสเพิ่มการแนะนำโพสต์หรือวิดีโอของเราให้กับผู้ใช้งานโดยระบบอัลกอริทึ่มอีกด้วย

จากที่ได้อธิบายไปนั้น ฟังดูแล้วไม่ได้ยาก แต่จุดที่ยากจริงๆ คือ เราจะเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและทำคอนเทนต์ได้ถูกใจ ตรงจุดนี้แหละคือความยาก หากทำได้นอกจากจะได้ส่งเสริมจากระบบอัลกอริทึ่มแล้ว เรายังจะได้กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่สนใจโพสต์หรือวิดีโอของเราด้วย


แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย
Creative Guidance Navigator คลังข้อมูล Facebook งัดสู้กับ ATT ของ Apple

Creative Guidance Navigator คลังข้อมูล Facebook งัดสู้กับ ATT ของ Apple

แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย

การเปิดตัว App Tracking Transparency หรือนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Apple ทำให้คนที่ยิงโฆษณาปวดหัวไปตามๆ กันกับเรื่องนี้ แล้วคลังข้อมูลของ Facebook จะช่วยอะไรได้บ้าง ไปดูกันเลย

Creative Guidance Navigator คลังข้อมูล Facebook งัดสู้กับ ATT ของ Apple (กดเลือกอ่านได้)

อัปเดต Creative Guidance Navigator

จากการที่ Facebook ได้ปิดตัว Facebook Audience Insight และ Facebook Analytics ไป ทำให้นักโฆษณาหลายๆ คนอาจจะเคว้งคว้าง เพราะบางคนอาจจะยังต้องพึ่งเครื่องมือตัวนั้นอยู่ โดยเฉพาะมือใหม่ ที่ยังจะต้องใช้ Facebook Audience เพื่อเช็คกลุ่มเป้าหมายอยู่

แต่ Creative Guidance Navigator จะเป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำโฆษณา และเทคนิคต่างๆ ไว้ในนั้น โดยมีข้อมูลรวบรวมไว้ทั่วโลก ซึ่งพอจะให้เราเข้าไปใช้ทำโฆษณาได้เหมือนกัน ข้อมูลเหล่านี้จะเก็บมาจากคนที่ยิงโฆษณาทุกคนและนำมาวิเคราะห์ และเปิดเผยเป็นข้อมูลสาธารณะ พร้อมกับมีวิธีการทำสอนอยู่ในเว็บไซต์นี้ด้วย

Facebook Data

โดยตัวข้อมูลที่ Facebook ได้รวบรวมมาจากผลลัพธ์ของการโฆษณานั้นก็จะมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ การเพิ่มยอดขาย การเพิ่มความสนใจให้กับธุรกิจของคุณ และอื่นๆ อีกมากมาย หากเรากดไปดูที่หัวข้อนั้นๆ ก็จะพบกับข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และยังมีวิธีการทำโฆษณาเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นจาก Facebook

และยังมีฟังก์ชันเลือกได้ว่าจะดูข้อมูลของธุรกิจอะไร แพลตฟอร์มไหน หรือแม้กระทั่งภูมิภาค ซึ่งพอให้เราเข้าใจได้ว่าพฤติกรรมของผู้ที่เห็นโฆษณาเค้าต้องการอะไร และชื่นชอบอะไร เราก็นำข้อมูลตรงนั้นมาวิเคราะห์และสร้างชุดโฆษณาเพื่อทดสอบได้เลย

แต่ถ้าคุณกดเลือกหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งและมันแสดงวิธีการยิงแอดบน Instagram ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะมันสามารถประยุกต์ใช้กับฝั่ง Facebook ได้เหมือนกัน จริงๆ แล้วการยิงแอด Facebook กับ Instagram แทบจะเหมือนกันเลย แตกต่างกันแค่พฤติกรรมของผู้เสพสื่อตามวัตถุประสงค์ของ Platform เท่านั้น

คอร์สเรียนยิงโฆษณา Facebook พร้อมของแถมเฉพาะนักเรียนและเทคนิคพิเศษมากมาย

ฟังอัปเดต Creative Guidance Navigator ผ่าน YouTube

สรุป

ส่วนแอดมินเองก็เล็งเห็นว่าเครื่องมือตัวนี้ไม่ว่าจะยิงแอดจนเชี่ยวชาญแล้วหรือจะเป็นมือใหม่ก็ตามที ก็เข้าไปดูข้อมูลตรงนี้เพื่อนำมาปรับใช้กับการโฆษณาได้ ถึงแม้ว่าตอนแรกแอดว่าฝั่ง Facebook เองยังคงจะปรับตัวหรือหาเครื่องมือที่มาสู้กับ ATT จาก Apple ได้ แต่ไม่นานเราคงได้เห็นเครื่องมือใหม่ๆ ที่ดีกว่านี้แน่นอน

ที่มา : https://www.facebook.com/business/creative-guidance-navigator


แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย
Facebook อัพเดทเพิ่มเครื่องมือการดูแลกลุ่มแบบใหม่ ป้องกันสแปมลิงค์ได้

Facebook อัพเดทเพิ่มเครื่องมือการดูแลกลุ่มแบบใหม่ ป้องกันสแปมลิงค์ได้

แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย

ใครที่เป็นแอดมินคงปวดหัวไม่น้อยเลย เวลาใครจะโพสต์อะไรต่างๆ ในกลุ่มเราต้องมานั่งตรวจสอบข้อมูล ไหนจะต้องสอดส่องเผื่อมีคนไฝว้กันในคอมเมนต์อีก เครื่องมือตัวใหม่ของ Facebook นี้จะช่วยคุณได้

Facebook อัพเดทเพิ่มเครื่องมือการดูแลกลุ่มแบบใหม่ ป้องกันสแปมลิงค์ได้ (กดเลือกอ่านได้)

อัปเดตเครื่องมือกลุ่ม Facebook

สัปดาห์ที่ผานมา Facebook มีประกาศอัพเดทเครื่องมือดูแลกลุ่มใน Facebook เกี่ยวกับด้านการปรับปรุงการแจ้งเตือนรูปแบบใหม่ เพื่อให้แอดมินกลุ่มตรวจสอบความคิดเห็นที่อาจเกิดความขัดแย้งในกลุ่มได้ง่ายมากขึ้น

นอกจากอัพเดทเรื่องการแจ้งเตือนความขัดแย้งแล้ว ยังมีตัวหลักอย่าง “Admin Home” ที่ช่วยให้ผู้ดูแลกลุ่มได้เข้าถึงเครื่องมือและใช้งานจัดการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

กลุ่มเฟสบุ๊ค

รูปจาก Socialmediatoday

ที่ล้ำไปกว่านั้นตัวระบบนี้จะแจ้งเตือนถึงเรื่องที่น่าสนใจให้กับแอดมินโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นข้อดีที่ได้เปรียบอย่างมากสำหรับแอดมิน

การอัพเดทใหม่ครั้งนี้จะแสดง “แดชบอร์ด” แบบใหม่เพื่อตรวจสอบการติดตามเรื่องราวต่างๆ เมื่อกลุ่มของคุณเติบโตขึ้นอาจจะมีปัญหาได้ ดังนั้นจึงต้องมีเครื่องมือดังกล่าวเข้ามาช่วย เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบและประหยัดเวลาของผู้ดูแลกลุ่มมากขึ้น

Facebook ยังได้เพิ่มการกลั่นกรองความคิดเห็นในหน้า Admin Assist ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลกลุ่มสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้น และเพิ่มการกลั่นกรองโพสต์ ความคิดเห็นอัตโนมัติได้อีกด้วย

แจ้งเตือนเฟสบุ๊ค

รูปจาก Socialmediatoday

คอร์สเรียนยิงโฆษณา Facebook พร้อมของแถมเฉพาะนักเรียนและเทคนิคพิเศษมากมาย

การอัพเดทครั้งนี้แอดบอกเลยว่ามี Impact กับแบรนด์อย่างมาก เพราะแอดมินตั้งค่าการกรองเพื่อป้องกันลิงค์ที่คนอื่นจะโพสต์ไม่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ตัวเองได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันและความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น และยังได้นำระบบป้องกันสแปมขั้นสูงเข้ามาใช้กับระบบกลุ่มด้วย

ประโยชน์ของกลุ่มสำหรับแบรนด์อีกอย่างคือ มีระบบสรุปข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ให้และสรุปยอดสมาชิกใหม่ และอีกฟีเจอร์หนึ่งที่อัพเดทมา แอดมินสามารถแท็กกฎประจำกลุ่มไว้ในคอมเมนต์ได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดการเกิดความขัดแย้งในความคิดเห็นโพสต์ได้เหมือนกัน (หรือมันไม่ช่วยหว่า)

หลักๆ คราวนี้ที่ Facebook อัพเดทก็จะเป็นเรื่องการกรองความคิดเห็นที่มีแนวโน้มจะขัดแย้ง การป้องกันลิงค์จากภายนอก และระบบข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ของกลุ่ม ฟีเจอร์เหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากกับแอดมิน

การแจ้งเตือนเกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจยิ่งมีประโยชน์กับแอดมินสุดๆ (แอดก็ไม่แน่ใจว่า AI จะทำได้ดีขนาดไหน) ถ้าโพสต์นั้นๆ แบรนด์สามารถทำคอนเทนต์หรืออธิบายตอบข้อสงสัยได้ ก็จะสร้างความได้เปรียบให้กับแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น

ฟังอัปเดต Facebook ผ่าน YouTube

สรุป

ถึงแม้จะไม่ใช่แบรนด์ แต่คนขายสินค้าทั่วไปก็แนะนำว่าสามารถสร้างกลุ่มเพื่อตอบปัญหา โพสต์ขายสินค้าได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความใกล้ชิดและให้ลูกค้ารู้สึกว่าเข้าถึงเราได้ง่ายอีกด้วย

สังเกตได้ว่านอกจากการยิงโฆษณาแล้ว Facebook ก็ค่อนข้างให้ความสำคัญกับกลุ่มอยู่ไม่น้อย เป็นอีกทางให้กับผู้เริ่มต้นสามารถประยุกต์ใช้กลุ่มเพื่อสร้างยอดขาย หรือต่อยอดจากการยิงโฆษณาได้เช่นกัน


แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย
Shopping cart0
There are no products in the cart!
Continue shopping