ในการทำเว็บไซต์ไม่ใช่เพียงแค่ตกแต่งให้สวยงาม สร้างหน้าต่างๆ ขึ้นมา เขียนข้อความลงไปนิดหน่อยแล้วจะติดอันดับ Google ได้ ยกเว้นแต่ว่าเว็บที่เราทำนั้นมีความเฉพาะเจาะจงจริงๆ และคีย์ที่เราใส่ไว้ในเว็บไม่มีคนอื่นทำเลย เราเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่ทำได้ แบบนั้นก็จะพอติดหน้าแรกของ Google อยู่ได้เหมือนกัน
แต่สำหรับเว็บทั่วๆ ไปการจะติดอันดับในคีย์เวิร์ดต่างๆ ได้ เราก็จำเป็นจะต้องเขียนบทความเติมลงในเว็บของเราเรื่อยๆ เพื่อให้ Google ช่วย Index และนำไปแสดงผลการค้นหาอีกที และประเภทของ Content บนเว็บไซต์ก็จะมีด้วยกัน 2 ประเภท แล้วถ้าอยากติดอันดับใน Google จะเขียนประเภทไหนดี
Evergreen Content Vs Tropical Content แบบไหนทำ SEO ดีกว่า (กดเลือกอ่านได้)
ในการเขียนบทความหากคุณเป็นคนที่ทำ SEO อยู่แล้วจะสามารถแยกแยะประเภทบทความที่เขียนได้โดยทันทีว่าเป็นคอนเทนต์ประเภทไหน แต่ถ้าเกิดคนไม่เคยทำสาย SEO เลยอาจจะดูไม่ออกว่ามันก็เขียนเหมือนกัน เนื้อหาก็คล้ายเคียงกัน แต่ความเป็นจริงแล้วมันมีความแตกต่างในด้านอายุของบทความนั้นๆ อยู่ ทำให้เราต้องแยกประเภทมันออกมาเพื่อให้กำหนดเรื่องที่จะเขียนได้ว่าคืออะไร
สำหรับประเภทแรกคือ Evergreen Content
Evergreen Content คือ คอนเทนต์ประเภทที่จะมีคนค้นหาอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม เพราะเป็นคอนเทนต์ที่ไม่มีความเสื่อมคลายในการค้นหา ทำให้เมื่อเราเขียนบทความประเภทนี้แล้วมันจะมี Traffic เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไม่มีการตกอันดับ ยกเว้นแต่ว่าคุณมีการปรับปรุงเนื้อหาผิดหลักการหรือปล่อยไม่มีการอัพเดทเลย อันนี้ก็คงอันดับร่วงและไม่มี Traffic เข้ามาอย่างแน่นอน
ยกตัวอย่างหัวข้อเนื้อหา Evergreen Content เช่น
- ต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศได้
- สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงเทพ ฯ
- วิธีแก้อาการปวดฟัน
- วิธีเลี้ยงหมาไซบีเรียนฮัสกี้
ถ้าสังเกตดีๆ และคิดถึงการสร้างเนื้อหาจากหัวข้อที่ได้ยกตัวอย่างไปจะพบว่า เนื้อหาที่เขียนไปค่อนข้างมีความตายตัวและเรื่องเหล่านี้ก็มีอัตราการค้นหาอยู่ตลอดเวลา ช่วงนึงอาจจะตกไปบ้างแต่มันไม่ถึงขั้นไม่มีคนค้นหาเลย
ในฝั่งของ Marketing In Secret เองก็ได้มีการทำคอนเทนต์ประเภท Evergreen เป็นหลัก เพราะต้องการให้เนื้อหาของเราได้เป็นประโยชน์กับผู้อื่น ทั้งเกี่ยวกับการทำโฆษณาผ่าน Facebook และความรู้เกี่ยวกับการตลาดด้านอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น
- วิธียิงแอด Instagram ตั้งแต่ 0 – 100 แบบละเอียด
- 8 วิธีปั้นเพจ Facebook ให้โตระเบิด
- การตลาดออนไลน์คืออะไร ? ทำไมทุกธุรกิจถึงควรทำ
จากตัวอย่างที่แอดได้ยกมานั้นหากใครได้กดเข้าไปอ่านจะสังเกตได้ว่าคอนเทนต์เหล่านี้จะมีการค้นหาอยู่ตลอดเวลาไม่เสื่อมคลาย และนี่เองก็คือคอนเทนต์ประเภท Evergreen Content
มาดูในฝั่งของ Tropical Content กันบ้างว่าคืออะไร
Tropical Content คือ คอนเทนต์ประเภทกระแสกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ หัวข้อที่กำลังเป็นประเด็นหรือกำลังเป็นไวรัลอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ อยู่ หากให้เห็นภาพง่ายๆ เลยคือมันจะเป็นคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับข่าวนั้นเอง
ยกตัวอย่างคอนเทนต์ประเภท Tropical Content เช่น
- โมเมนต์สุดประทับใจ นักกีฬาไทยชนะเลิศในการแข่งขันระดับโลก
- เปิดตัวแพลตฟอร์มช้อปปิ้งใหม่ล่าสุด
- น้องหมา “เจ้าโบ้” สุดฉลาด !! สามารถทำตามคำสั่งเจ้าของได้ทุกอย่าง
- กำลังโด่งดังใน YouTube เปิดวาปน้องแมวตาฟ้า
ข้อดีของ Tropical Content
- ทำได้ง่ายเพราะใช้คอนเทนต์แบบ Real Time ได้เลย
- ได้ Traffic ที่พุ่งสูงอย่างมาก
- เทียบกับ Evergreen แล้ว ตัว Tropical Content ทำได้ง่ายกว่ามาก
- หนึ่งวันสามารถเขียนได้เยอะกว่า Evergreen Content
ในการทำเว็บไซต์และถ้าคุณต้องการทำ SEO ก็ต้องดูก่อนว่าจุดประสงค์ของเว็บเราสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร เพื่อที่เราจะได้เลือกทำประเภทคอนเทนต์ได้อย่างเหมาะสม หากเป็นเว็บสำหรับข่าวหรือเขียนเรื่องราวทั่วไป การเขียน Tropical Content อาจจะมีความเหมาะสมมากกว่า เพราะเว็บของเราต้องมีเนื้อหาแบบ Real Time ทันกระแสและทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน
สรุป
ถ้าหากเป็นในแนวบริษัทหรือว่าเว็บที่สอนเรื่องต่างๆ เว็บไซต์ขายของ อาจจะใช้ Evergreen Content จะดูเหมาะสมมากกว่า เพราะจะทำให้เราได้ Traffic ระยะยาว ไม่ว่าเรายุ่งและไม่ได้เติมคอนเทนต์ใหม่ๆ มันก็ยังมี Traffic จากบทความเดิมอยู่ แต่สุดท้ายแล้วการเขียนคอนเทนต์ก็ไม่ได้ตายตัว แนะนำว่าให้ลองวางแผนใช้คอนเทนต์ทั้ง 2 ประเภทให้เหมาะสมกับสถานการณ์จะดีกว่า เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการทำ SEO ที่สุด รวมถึงเหมาะสมกับผู้อ่านอีกด้วยเช่นกัน