แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย

ทุกวันนี้ขายของบนโลกออนไลน์ก็ไม่ใช่เรื่อยยากเหมือนกับสมัยก่อนที่ยังไม่ได้มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตหรือหาแหล่งการขายสินค้าได้ง่ายเหมือนกับทุกวันนี้ รวมถึงสมัยก่อนการจะเริ่มต้นทำธุรกิจทั้งทีก็จำเป็นจะต้องมีการลงทุนด้วยเงินมหาศาล ต้องมาลุ้นอีกว่าจะขายได้รึเปล่าเพราะถ้าขายไม่ได้เลยเงินเราก็จะจมกับต้นทุนสินค้าทันที แถมยังระบายออกได้ยากอีกด้วย ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Dropship กันก่อนว่าคืออะไร ?

Dropship คืออะไร ?

Dropship คือ การนำสินค้าของคนอื่นที่มีอยู่มาขาย โดยที่เราต้องไปขออนุญาตเจ้าของสินค้าก่อนที่จะนำมาโพสต์ขาย การทำแบบนี้เราไม่จำเป็นต้องมีสินค้า ทำหน้าที่เพียงหาลูกค้าและบอกกับเจ้าของสินค้าจัดส่งให้กับเราได้

แต่เมื่อเราจะนำมาโพสต์ขายแล้วเราก็ต้องบวกกำไรเข้าไปด้วย เพราะสิ่งที่เค้าจะให้เรามาก็เป็นเพียงแค่ราคาทุนเท่านั้น อย่างเช่น โทรศัพท์เรารับมาราคา 1000 บาท เราไปโพสต์ขายเป็น 1500 บาท เป็นต้น

เลือกดรอปชิป (Dropship) ยังไงดี

ต้องบอกว่าปัจจุบันเจ้าที่ให้บริการเกี่ยวกับด้าน Shipping ได้เปิดให้บริการอยู่มากมาย ซึ่งผู้ที่เปิดให้ทำดรอปชิปนั้นมีความสามารถในด้านการนำหรือจัดหาสินค้ามาเพื่อจัดจำหน่าย แต่อาจจะต้องการขยายธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีการหลอกลวงอยู่ด้วยเช่นกันตรงจุดนี้ต้องระวัง ในที่นี้เดียวแอดจะช่วยแนะนำการคัดเลือกเบื้องต้นให้

1. เลือกเจ้าที่มีความน่าเชื่อถือสูงหน่อย

ในการเลือกบางครั้งอาจจะปุบปับเลือกทันทีเลยไม่ได้ แอดแนะนำว่าให้คุณเข้าไปคลุกตัวอยู่ในกลุ่มหรือดูรายละเอียดต่างๆ ในเพจให้เรียบร้อยก่อน เนื่องจากว่าปัจจุบันมีการหลอกลวงค่อนข้างมากเลยทีเดียว ให้เราสังเกตจากการพูดคุยในกลุ่มหรือเช็คการจัดส่งของเค้าว่ามีการจัดส่งจริงหรือไม่ มันก็ช่วยกรองให้เราได้ปลอดภัยระดับหนึ่งเลย

2. กรองความปลอดภัยเพื่อความชัวร์อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการกรองอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลอย่างมากช่วยป้องกันในระดับหนึ่งเลยคือ “การเช็คแบล็กลิสต์” โดยเราสามารถเข้าไปเช็คได้ว่าบัญชีที่เราจะโอนเงินให้เคยมีการโกงเกิดขึ้นหรือไม่ เพื่อไม่ให้เราเป็นเหยื่อและถูกหลอกในการทำ Dropship ได้ เบื้องต้นให้คุณเข้าเว็บ “Blacklistseller” และค้นหาด้วยเลขบัญชีธนาคารหรือเลขบัตรประชาชนอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งการกรองนี้ก็ทำให้หลายคนรอดจากการโกงได้

วิธีตรวจสอบคนโกง

ตรวจสอบคนโกงออนไลน์ได้จาก Blacklistseller เลย

3. เลือกสินค้าที่มันเฉพาะหน่อย

สินค้าเฉพาะ หมายถึงว่าเป็นสินค้าที่มีกลุ่มลูกค้าเฉพาะและเราสามารถทำกำไรจากมันได้มากแม้จะทำแบบดรอปชิปก็ตาม ด้วยการที่มันเป็นสินค้าเฉพาะทำให้มันมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่และต้องการความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่ง เพราะต้องนั่งคิดและทำคอนเทนต์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายทำให้หลายคนไม่ชอบที่จะเริ่มต้นด้วยสินค้าเฉพาะเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่คิดจะขายแบบยาวๆ แล้วมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะทำให้เค้าสามารถยึดตลาดตรงนี้ได้ แถมยังคู่แข่งน้อยกว่าสินค้าที่ซื้อขายกันทั่วไปอีกด้วย

4. ดูสินค้าที่พอให้เรามีกำไร

ต้องบอกเลยว่าหลายคนชอบเข้ามาในตลาดด้วยการตัดราคากันแบบมหาโหด สุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นที่จะต้องออกจากตลาดไปเพราะไม่มีกำไรที่สอดคล้องกับค่าใช้จ่าย แอดอยากจะแนะนำให้สำหรับคนที่ทำ Dropship นิดนึงว่าพยายามอย่าหาตัวที่กำไรต่ำมากเกินไป

เพราะมันอาจจะทำให้เราขาดทุนได้หากมาคิดภายหลัง ดังนั้นวิธีหาง่ายๆ คือให้เราลองรวมต้นทุนของเราก่อนว่ามีอะไรบ้างเช่น ค่าลัง ค่าสก็อตเทป ค่าโฆษณา ค่าธรรมเนียมของช่องทางต่างๆ รวมถึงมันยังมีต้นทุนแฝงอื่นๆ แล้ววิเคราะห์ดูว่ากำไรที่ได้เราไหวหรือไม่ ถ้าไหวก็สู้ได้เลย

5. เตรียมช่องทางการขายของตัวเอง

สินค้าทุกชิ้นก็ใช่ว่าจะสามารถขายได้ทุกช่องทาง บางสินค้าอาจจะเหมาะกับ Facebook หรือเหมาะกับ TikTok ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของคุณอยู่ที่ไหน อย่างไรก็ตามเราไม่ควรจำกัดให้ตัวเองอยู่เพียงแค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่เราจะเริ่มทำ Dropship ก็ให้เตรียมตัวทำช่องทางสำหรับการขายไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, LINE Official และช่องทางอื่นๆ

6. ศึกษาคู่แข่งก่อนเพื่อให้เราตัดสินใจเลือกสินค้าได้

ด้วยปัจจุบันที่ทุกคนไม่ว่าใครก็สามารถทำ Dropship กันได้ทั้งนั้น และการที่คุณจะสามารถชนะหรือตัดสินใจว่าจะขายสินค้าชิ้นนั้นๆ ดีหรือไม่คือ “การศึกษาคู่แข่ง” เพราะจะช่วยให้คุณวิเคราะห์และประเมินศักยภาพในคู่แข่งและตัวของคุณได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลงแรงแบบศูนย์เปล่าในการทำ

ง่ายสุดเราสามารถใช้เครื่องมืออย่าง “Google Trends” ในการเช็คความนิยมหรือช่วยเช็คเรื่องอัตราการค้นหาของสินค้าชนิดนั้นๆ ได้ ทาง Marketing In Secret เองก็ได้มีการเขียนบทความแนะนำเรียบร้อยไว้เป็นไกด์ไลน์ให้กับเพื่อนๆ ได้ลองใช้กัน

7. ติดต่อกับร้านที่เราต้องการทำ Dropship

จากการที่เราทำ Dropship นั้นเราก็จำเป็นต้องเอาข้อมูลของเค้ามาเพื่อทำการโพสต์ขายหรือทำคอนเทนต์ต่างๆ ก่อนที่จะเอาของเค้ามาใช้เราก็ไปขออนุญาตเค้าก่อน แต่ถ้าเราเข้าร่วมกลุ่มหรือเค้าได้โพสต์อนุญาตแล้วเราก็สามารถเอาไปใช้ได้เลย

รวมกลุ่มเป้าหมายของสินค้าทุกชนิดไว้ใน E-Book เล่มเดียว ยิงแอดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น

ข้อดีและข้อเสียของ Dropship

ข้อดีของการทำ Dropship

  • มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย พูดง่ายๆ คือขายได้ทุกอย่างถ้าเราทำไหว
  • ไม่ต้องมีต้นทุนก็ขายได้
  • ได้ทดสอบตลาด หากขายดีค่อยสั่งมาสต็อก
  • สามารถเริ่มทำได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลา
  • มีเจ้าเปิดรับทำ Dropship เยอะมาก สะดวก

 ข้อเสียของการทำ Dropship

  • คู่แข่งเยอะมาก เพราะใครๆ ก็ทำได้ง่าย
  • ไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง ทำมากเจ้าของสินค้ารวย
  • ไม่ยั่งยืน กำไรต่อชิ้นค่อนข้างน้อยมาก
  • เกิดปัญหาเรื่องสต็อกสินค้าไม่ตรงกับในระบบ
  • การจัดส่งอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ เพราะบางครั้งเราเช็คไม่ได้ว่าส่งให้จริงหรือไม่

สรุป

การทำ Dropship มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป แต่ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะขายอะไรดี แต่รู้ว่าอยากขายของ ลองไปดูพวกเว็บไซต์ต่างๆ และขอนำรูปภาพมาขายดู ขายได้แล้วเราค่อยสต็อก

สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือความขยันและความตั้งใจ เพราะตัวแปรสำคัญของการทำธุรกิจคือถ้าไม่มุ่งมั่น แป๊บเดียวแค่นั้นแหละเดียวก็เลิก หากใครคิดว่ามีพร้อมแล้วก็เริ่มลงมือทำกันได้เลย


แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย
Shopping cart0
There are no products in the cart!
Continue shopping