Influencer Marketing คือ การทำการตลาดโดยอาศัยความร่วมมือกันระหว่างแบรนด์และผู้มีชื่อเสียง โดยเมื่อสมัยก่อนผู้มีชื่อเสียงก็คือดาราตามทีวีโทรศัพท์ แต่ปัจจุบันมีโลกโซเชียลได้กำเนิดขึ้นมา ทำให้เกิดเป็น Influencer ที่คอยถ่ายทอดเรื่องราว หรือการโปรโมตสินค้าต่างๆ
ในปัจจุบันมีธุรกิจมากมายหลายรูปแบบ และเกิดการแข่งขันกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการที่จะได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มเติมเราก็ต้องใช้ Influencer นี่แหละ เข้ามาช่วยหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
มาดูกันดีกว่าว่าสำหรับเทรนด์ Influencer Marketing ปี 2021 นี้จะมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง
ส่อง 9 เทรนด์ Influencer Marketing ปี 2021 (กดเลือกอ่านได้)
- Micro Influencer จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
- ประสิทธิภาพจะเป็นตัววัดผล
- เราจะได้เห็น Influencer สายเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น
- ต้องวางแผนในการทำงานมากยิ่งขึ้น
- ทำ Content ที่ดูไม่เฟค
- พนักงานและผู้ซื้อนี่แหละคือ Influencer
- TikTok จะกลายเป็นแพลตฟอร์มแห่ง Influencer
- Influencer จะหันมาทำงานร่วมกันมากขึ้น
- คาดหวังความสัมพันธ์ระยะยาว
1. Micro Influencer จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
Micro influencers คือ บุคคลที่มีผู้ติดตามไม่เกิน 10,000 คนบนช่องทางต่างๆ ซึ่งปกติแบรนด์ต่างๆ มักจะไม่ให้ความสำคัญมากนัก แต่เมื่อได้สำรวจลึกลงไปพบว่าผู้ติดตามกลุ่ม Micro มีส่วนร่วมมากกว่ากลุ่ม Celebrity หรือ Macro Influencer เสียอีก
จึงทำให้ฝั่งของ Micro Influencers จึงเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นเพราะด้วยการทำคอนเทนต์ที่ยังไม่มีแบบแผนมาก ทำให้รู้สึกว่าเป็นตัวตนของตนเอง ไม่ได้ทำเพื่อคนดูเท่าไหร่ จึงได้เฉพาะกลุ่มคนที่สนใจ Micro Influencer จริงๆ เท่านั้น
2. ประสิทธิภาพจะเป็นตัววัดผล
กลุ่มเป้าหมายที่ติดตาม Influencer มีการคิดวิเคราะห์สิ่งที่พูดมากยิ่งขึ้น และไม่ค่อยเชื่อถือคำพูดที่ไม่ได้มีที่มาอีกต่อไป ในปี 2021 อาจจะเห็นข้อตกลงด้านต่างๆ ที่อ้างอิงจากประสิทธิภาพจากการคลิก หรือการขายของเมื่อโปรโมตไปแล้ว ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว แต่ก็อาจจะต้องจำใจทำตาม
3. เราจะได้เห็น Influencer สายเฉพาะมากยิ่งขึ้น
ด้วยปัจจุบัน Influencer หลายคนนั้นโปรโมตผลิตภัณฑ์และบริการทุกชนิด อย่างเช่น Influencer A โปรโมทไอศกรีม ปลาเผา โทรศัพท์มือถือ การที่โปรโมตสินค้าหลากหลายประเภท และไม่เกี่ยวข้องกันทำให้ธุรกิจที่ต้องการจะจ้างวานวัดผลได้ยากมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจจึงต้องการทำงานร่วมกันกับ Influencer ที่เป็นสายเดียวกับธุรกิจของตนมากกว่า
4. ต้องวางแผนในการทำงานมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากว่ากลุ่มลูกค้าหรือผู้ติดตามของ Influencer เข้าถึงข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น การนำเสนอจะต้องไม่พูดเกินความเป็นจริง รวมถึง Influencer จะต้องให้ข้อมูลต่างๆ เพื่อให้แบรนด์พิจารณาและตัดสินใจเลือก และต่อไปนี้การทำงานระหว่างแบรนด์กับ Influencer อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป อาจจะต้องมี Agency ช่วยในการวิเคราะห์ วางแผนงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่แบรนด์ต้องการ รวมถึงสามารถช่วยให้เข้าถึง สื่อสารได้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
การเขียนพาดหัวให้ปังทำได้ไม่ยาก เพิ่มยอดขายได้ชัวร์ ก็อปวางเป็นของคุณได้ทันทีแบบง่ายๆ
5. ทำ Content ที่ดูไม่เฟค
ด้วยปัจจุบันที่ผู้คนเข้าถึงสื่อได้มากยิ่งขึ้น ทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถจับได้ว่าอันไหนแสดง อันไหนจริง อันไหนเล่น นอกจากนี้การที่ Influencer ทำคอนเทนต์ที่ดูไม่ Real ก็ทำให้แบรนด์วัดผลได้ยาก เนื่องจากว่าในอนาคตนั้นสิ่งที่แบรนด์ต้องการคือ Influencer ที่สามารถสื่อสารเป็น ดึงดูดลูกค้าได้
สำหรับใครที่อยากทำสายคอนเทนต์ทั้งแบบเขียนและประยุกต์ใช้กับวิดีโอได้กดอ่านบทความ
เขียนคอนเทนต์ (Content) แบบไหนดี? ให้ถูกใจทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน
6. พนักงานและผู้ซื้อนี่แหละคือ Influencer
กลุ่มคนเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้สัมผัสและรับประสบการณ์โดยตรงจากธุรกิจ และกลุ่มพนักงานและลูกค้าจะเป็นผู้ที่บอกได้เป็นอย่างดีว่าแบรนด์นั้นต้องปรับปรุงอะไร รวมถึงบางแบรนด์อาจจะมีช่องทางโปรโมทแล้วร่วมกันติด Hashtag ทำให้มีผู้คนเข้ามาร่วมเล่นโดยที่แบรนด์แทบจะไม่ต้องเสียเงิน และในท้ายที่สุดกลุ่มที่เป็นผู้ซื้อและพนักงานนี้แหละที่จะกลายเป็น Influencer ของแบรนด์
7. TikTok จะกลายเป็นแพลตฟอร์มแห่ง Influencer
ด้วยความที่แพลตฟอร์ม TikTok ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีเจ้าใหญ่ๆ สาย Social Media หลากหลายเจ้าที่พยายามเบียด TikTok มาด้วยมาตลอด และในไทยเองคลิปไวรัลดังๆ ส่วนใหญ่เดียวนี้ก็เริ่มมาจาก TikTok ทำให้ในอนาคตจะกลายเป็นแพลตฟอร์มแห่ง Influencer เพราะคนที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์หลังๆ มาก็เริ่มมาจาก TikTok มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
8. Influencer จะหันมาทำงานร่วมกันมากขึ้น
แต่เดิมปกติแล้วน้อยมากที่จะมี Influencers 2 คนมารวมตัวกันทำคลิปวิดีโอเพียงแค่ 1 คลิปเท่านั้น แต่ในอนาคตเราจะได้เห็นการ Collapse กันระหว่าง Influencers หลายๆ คนมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันโปรโมตสินค้า แบรนด์ หรือสินค้าต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่แบรนด์ต้องการ หรือเพื่อการสร้างผู้ติดตามใหม่ๆ ของทั้ง 2 Influencers มากยิ่งขึ้น
9. คาดหวังความสัมพันธ์ระยะยาว
การใช้ Influencer Marketing ไม่ใช่การทำเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วจบอีกต่อไป แต่แนวโน้มจะเป็นการจ้างแบบต่อเนื่องระยะยาวมากขึ้น และจำเป็นจะต้องมีสัญญาเพื่อปกป้องทั้งแบรนด์เองและ Influencer ทั้งหลาย ดังนั้นแบรนด์เองจึงต้องพยายามเลือกคนที่เหมาะสมมากที่สุดมาร่วมสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ ดังเช่นสินค้าบางชนิดจะมี Contract กันกับ Influencer เลยว่าให้ใช้สินค้านี้เท่านั้น เป็นระยะเวลาเท่านั้นเท่านี้ หากใช้อย่างอื่นที่เป็นคู่แข่งอาจจะโดนปรับได้ เป็นต้น
สรุป
การทำ Influencer Marketing ก็ยังมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย และในส่วนของ Influencer Marketing ก็แบ่งเป็นย่อยอีก 3 ประเภทคือ
1. Micro Influencer
2. Marco
3. Celebrity
สำหรับแบรนด์ที่ตั้งใจจะทำในเรื่องของภาพลักษณ์ ก็อาจจะต้องเลือกกลุ่ม Celeb ที่มีภาพลักษณ์ดูดีอยู่แล้ว ส่วนหากต้องการกำไรที่มากขึ้นกว่าเดิม อาจจะต้องใช้เป็น Micro หรือ Marco ก็จะดีกว่า ถามว่าแล้วใช้ Micro ไม่ได้หรอ ก็ต้องตอบเลยว่าใช้กลยุทธ์แบบไหนจะเข้าท่ามากกว่า เรื่องนี้คงมีแต่คุณที่ตอบได้ เพราะไม่ว่าอันไหนก็มีประโยชน์ทั้งนั้นหากรู้จักใช้
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม จิ้มเลยจ้า