ช่วงนี้ฮอตฮิตอย่างมากสำหรับการขายของบน eCommerce ทั้ง Shopee และ Lazada เอง ในบทความนี้จะขอพูดถึง Lazada กันก่อนว่าจะทำยังไงถึงขายดีได้บ้างเหมือนกับคนอื่นๆ บางคนอาจจะพลาดตั้งแต่พื้นฐานโดยที่ไม่ได้นำไปต่อยอดเลยก็มี ทำให้ยอดขายไม่โตและสินค้าก็ไม่มีลูกค้าเห็นด้วย ในบทความนี้จะมาแนะนำการลงขายพร้อมกับทำการตลาดให้เหมาะสม มันจะช่วยให้คุณเติบโตได้อย่างมั่นคงบน Lazada Seller Center อย่างแน่นอน
10 วิธีทำให้ขายดีบน Lazada Seller Center แบบก้าวกระโดด (กดเลือกอ่านได้)
- เครื่องมือบน Lazada ใช้ให้ครบถ้วน
- อย่าตั้งชื่อสินค้าเป็นภาษาที่ตัวเองเข้าใจ
- Seller Pick หรือสินค้าแนะนำ ใช้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด
- Lazada Bonus ก็ควรเข้าร่วมถ้ากำไรมากพอ
- แคมเปญใหญ่ๆ ไม่ควรพลาด
- โพสต์ฟีดฟรีๆ ก็ควรใช้ด้วย
- Lorikeet ที่หลายคนอาจจะมองข้าม
- รูปภาพคือปัจจัยสำคัญ
- ตัวสินค้าก็สำคัญ
- อย่าลืมการตกแต่งร้านค้าให้เรียบร้อย
- ผลลัพธ์ของลูกเพจที่นำเทคนิคมาแบ่งปัน
- สรุป
1. เครื่องมือบน Lazada ใช้ให้ครบถ้วน
ไม่ว่าจะบน Shopee หรือ Lazada เค้าก็จะมีเครื่องมือการตลาดที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการขายอยู่แล้ว โดยมือใหม่หลายคนอาจจะทำแค่เพียงส่วนลดอย่างเดียว ไม่มีการใช้เครื่องมือตัวอื่นเพิ่มเติมทำให้ยอดขายไม่กระเตื้องขึ้น แถมยังมองสินค้าไม่เห็นอีก
โดย Lazada จะมีเครื่องมือจำพวกคูปองส่วนลด, คูปองส่งฟรี, Flexible Combo และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ช่วยเพิ่มโอกาสการขายมากยิ่งขึ้น แนะนำว่าถ้าใช้เครื่องมือการตลาดต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ให้ “วิเคราะห์” ตัวคูปองด้วยว่ามันได้ผลหรือไม่ แล้วปรับให้เข้ากับสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด
เครื่องมือการตลาดของ Lazada
2. อย่าตั้งชื่อสินค้าเป็นภาษาที่ตัวเองเข้าใจ
อันนี้เจอได้เยอะมากๆ ในกลุ่มของสินค้าพวกเครื่องมือช่างและเสื้อผ้าแฟชั่น โดยส่วนใหญ่ตามปกติทั่วไปมักจะตั้งชื่อตามความเข้าใจของตัวเอง ซึ่งลูกค้าไม่ได้รู้ความหมายหรือค้นหาด้วยคำนั้นๆ ทำให้โอกาสในการมองเห็นและโอกาสในการขายของเราลดน้อยลง
หากถามแอดว่าอ้าว !! แล้วร้านอื่นทำไมตั้งชื่อไม่เกี่ยวกับการค้นหาแต่ถูกจัดมาลำดับแรกๆ เลยล่ะ แอดพอจะมีข้อมูลเผินๆ มาคือ สินค้าตัวไหนที่มียอดขายหรือลูกค้าให้ความสนใจมากๆ มันจะถูกดันขึ้นมาอยู่แรกๆ ให้ลูกค้าเห็น ส่วนสินค้าใหม่ๆ ที่ยังไม่มีคนสนใจมักจะอยู่ท้ายๆ เสมอ
เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ คือ ร้านไหนขายดีอยู่ตรงประตูหน้าห้างที่คนเดินผ่านเยอะๆ และมีคนให้ความสนใจ แต่ถ้าสินค้าไหนคนไม่สนใจก็จะถูกจับไปไว้ในหลืบของห้างนั่นเอง เดียววิธีการจะเชื่อมโยงในหัวข้อถัดไป
3. Seller Pick หรือสินค้าแนะนำ ใช้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด
Seller Pick หรือในชื่อ “โควต้าสินค้าแนะนำ” จะเหมือนกับการปักหมุดสินค้าให้ไปแสดงโชว์กับลูกค้าได้มากขึ้นตรงส่วนของ “สินค้าแนะนำ” เมื่อลูกค้าเข้าร้านหนึ่งแล้วเลื่อนลงมาเรื่อยๆ ก็จะเจอสินค้าแนะนำ ตัวสินค้าแนะนำจะนำมาแสดงให้กับลูกค้าเห็นหากสินค้าที่ลูกค้าดูมีความใกล้เคียงกับของเรา รวมถึงหน้าแรกๆ และภายในการค้นหาด้วย ทำให้มีโอกาสมากลูกค้าจะกดเข้ามาชมสินค้าเราเพิ่มเติม
ข้อแนะนำสำหรับแอดและสำรวจจากร้านขายดีหลายๆ ร้านพบว่า พวกเขาจะใช้ Seller Pick หรือตัวสินค้าแนะนำกับสินค้าที่ขายดีอยู่แล้วหรือไม่ก็สินค้าใหม่แล้วทำราคาดีๆ เพื่อดึงยอดขายให้เพิ่มมากขึ้นไปอีกได้ด้วยเช่นกัน แต่อันนี้ผู้อ่านก็สามารถเอาไปปรับปรุงให้เข้ากับวิธีการของตัวเองได้เลย
สินค้าแนะนำของ Lazada ที่ให้โควต้าเริ่มต้นร้านละ 2 ตัว
4. Lazada Bonus ก็ควรเข้าร่วมถ้ากำไรมากพอ
ปีนี้จากที่แอดตามข่าวมาทาง Lazada ค่อนข้างให้ความสำคัญกับ Lazada Bonus มากขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะช่วงแคมเปญเลขเบิ้ลที่จะมีคูปองโบนัสมาให้เราเก็บไปใช้กับร้านที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ สิ่งที่ร้านจะได้รับคือการมียอดขายเพิ่มมากขึ้น โดยบางร้านอาจจะมีการเติบโตขึ้นถึงหลัก 1,000% สำหรับวันเลขเบิ้ลจากการเข้าร่วม Lazada Bonus เลยก็มี
ดังนั้นอะไรที่ Lazada เค้าเน้นถ้าเราสามารถเข้าร่วมได้แบบเรายังพอใจในกำไรแอดก็แนะนำว่าให้เข้าร่วมได้เลย เพราะมันจะช่วย Boost ทั้งยอดขายและยอดการมองเห็นได้มากเลยทีเดียว
โปรแกรม Lazada Bonus ที่ผู้ขายเข้าร่วมได้
5. แคมเปญใหญ่ๆ ไม่ควรพลาด
สำหรับ Lazada ก็จะมีหน้าของแคมเปญให้เรากดเข้าร่วมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Payday, Fashion, Monday, Mid-Month Sale และแคมเปญอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าอันไหนเราสามารถเข้าร่วมได้ก็แนะนำว่าให้เข้าร่วมจะดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าใหม่ๆ รวมถึงร้านเก่าที่มีสินค้าไหม่ด้วย เพราะมันจะถูกนำไปโชว์ในหมวดของแคมเปญนั้นๆ เพิ่มโอกาสการมองเห็นที่มากขึ้น และยังเพิ่มจำนวนยอดขายได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของแคมเปญพวก 11.11 หรือ 12.12 รวมถึงเลขเบิ้ลทั้งหลาย อันนี้ “ไม่ควรพลาด” เนื่องจากว่าช่วงนั้นทาง Lazada จะอัดงบการตลาดโฆษณาอย่างมากมาย ทำให้วันนั้นเราจะมีลูกค้าค่อนข้างเยอะและหลายร้านขายดีมากๆ ส่วนถ้าใครเคยเข้าร่วมแล้วสงสัยว่าทำไมยิ่งเข้าร่วมราคามันยิ่งถูกลงหนักมากเลยล่ะ ?
คำตอบก็คือ Lazada จะอ้างอิงราคาถูกสุดย้อนหลัง 60 วัน แล้วพอเราเข้าร่วมแคมเปญรอบต่อไปมันส่งผลให้ราคามันต้องยิ่งถูกกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น ราคาปกติขาย 100 บาท ใน 60 วันที่เราเข้าแคมเปญเลขเบิ้ลลดถูกสุดที่ 80 บาท แล้วพอเราจะเข้าแคมเปญเลขเบิ้ลในเดือนถัดไปเท่ากับว่าเราต้องขายให้ถูกกว่า 80 บาท นั่นจึงทำให้ยิ่งเข้าร่วมแคมเปญ ราคาส่วนลดก็ยิ่งแรงนั่นเอง
ตัวอย่างการเข้าร่วมแคมเปญ Lazada
Tip&Trick ง่ายๆ คือ ถ้าเข้าร่วมมาแล้ว 2 รอบก็ให้เว้นไปสักรอบก็ได้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมทุกครั้งไป ยกเว้นแต่ร้านไหนกำไรเยอะอยู่แล้วจะเข้าร่วมทุกเดือนก็ไม่เสียหาย ถ้าเราเว้นไปสักเดือนแล้วเดียวราคาลดรอบต่อไปก็จะไม่ลดหนักนั่นเอง
คอร์สเรียนแต่งรูปง่ายๆด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่ได้รูปมือโปร เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ
6. โพสต์ฟีดฟรีๆ ก็ควรใช้ด้วย
บน Lazada เองเค้าก็จะมีฟีดให้เราโพสต์เพื่อแชร์รายละเอียดสินค้า รีวิว หรือแนะนำสินค้าได้เช่นกัน โดยจะมีคะแนนให้วันละ 10 คะแนน (คะแนนจะรีกลับมาอีกครั้งตอน 00:00 ของทุกวัน) ดังนั้นแล้วเนี่ยคุณไม่ควรที่จะพลาดในการโพสต์ฟีดเพื่อแนะนำสินค้า และแจ้งโปรโมชั่นให้กับลูกค้าเคย อย่างน้อยๆ ถ้าเราโพสต์ไปก็มีโอกาสที่จะได้คนติดตามร้านกลับไว้ให้เราทำการตลาดไปหาลูกค้ากลุ่มนั่นได้ช่วยเช่นกัน
Tip & Trick เพิ่มเติม
การโพสต์ฟีด Lazada แอดขอแนะนำให้ใช้บนคอมพิวเตอร์ เพราะมันจะสามารถใช้ฟีเจอร์ “Boost Feed” ได้ และช่วยเพิ่มการมองเห็นมากขึ้น โดยมันจะอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมตามรูปด้านล่างเลย และเราควรเลือกช่วงเวลาให้ดีด้วย มันค่อนข้างคุ้มเลยแหละสำหรับคนที่พอจะจับทางลูกค้าได้
ปุ่มโพสต์ฟีดของ Lazada ช่วยเพิ่มการมองเห็นได้มาก
7. Lorikeet ที่หลายคนอาจจะมองข้าม
เครื่องมือตัวนี้จะอยู่ในหน้าของการลงสินค้า โดยมันจะเป็นเหมือน Template เว็บไซต์ (แนวๆ Sale Page) เลย ยิ่งใครทำได้ดีมากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น นอกจากนี้หากลูกค้าเข้ามาดูแล้วจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าเราใส่ใจกับรายละเอียด โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสาย IT ที่ลูกค้าต้องการข้อมูลเยอะๆ หรือแม้กระทั่งสายแฟชั่นก็ใส่รูปสวยๆ จัด Layout ดีๆ ก็ช่วยได้ไม่น้อยเลย แนะนำว่าถ้ามีเวลาก็ไม่ควรพลาดที่จะทำ !!
Template Lorikeet ที่มีให้หรือเราจะสร้างเองก็ได้
8. รูปภาพคือปัจจัยสำคัญ
สิ่งที่ Lazada และ Shopee รวมถึงช่องทาง Marketplace อย่าง Facebook เอง สิ่งที่จะทำให้ลูกค้ากดเข้ามาดูสินค้าเราได้ก็หนีไม่พ้น “รูปภาพ” เป็นอันดับแรกแน่ๆ ยิ่งใครสามารถทำรูปได้สะดุดตาลูกค้ามากเท่าไหร่ โอกาสในการเข้าชมสินค้าก็มากขึ้นเท่านั้น เทคนิคง่ายๆ ที่แอดใช้ส่วนตัวเลยคือลองเปิดสินค้าที่เราขายเล่นๆ แล้วเลื่อนดูว่าเรากดเข้าไปดูอันไหนบ้าง แล้วก็ลองดูอีกว่าเค้าจัดรูป ทำรูปยังไงเราถึงกดเข้าไปดู
9. ตัวสินค้าก็สำคัญ
ตัวแปรหลักๆ ของการขายและเป็นปัจจัยที่สำคัญไม่อาจมองข้ามได้เลยคือเรื่อง “สินค้า” ถ้าเรามีสินค้าดี เจาะกลุ่มเป้าหมายได้ถูก แม้จะไม่ได้ขายบน Lazada ก็ขายดีได้เหมือนกัน ตรงนี้อาจจะต้องดูพฤติกรรมลูกค้าบนแพลตฟอร์มด้วยว่าเป็นอย่างไร และจุดเด่นก็มีความแตกต่างกันด้วย อันนี้ก็ต้องดูว่าเราจะขายอะไรแล้วไปสำรวจตลาด จะได้รู้ถึงความต้องการที่แท้จริงจากลูกค้า
10. อย่าลืมการตกแต่งร้านค้าให้เรียบร้อย
การตกแต่งร้านค้าก็เหมือนกับการใส่เสื้อผ้า ยิ่งเราตกแต่งร้านได้ดีมากเท่าไหร่มันก็จะมีความน่าสนใจให้กับผู้เข้าชมร้านมากเท่านั้น อย่าลืมว่าถ้าขายสินค้าหลายชนิดก็ให้สร้าง Category สินค้าเพื่อแยกให้ชัดเจนด้วย เวลาลูกค้าเข้าไปหาสินค้าจะได้ง่ายต่อการค้นหา ยิ่งถ้าเข้าใจเรื่องการออกแบบ UX/UI และวางลำดับการเข้าหน้าสินค้าได้ดีมากเท่าไหร่ มันจะช่วยเพิ่มยอดขายได้แบบไม่น่าเชื่อเลย
ผลลัพธ์ของลูกเพจที่นำเทคนิคมาแบ่งปัน
สำหรับรูปด้านล่างต่อไปนี้แอดได้มาจากลูกเพจท่านหนึ่ง (ไม่ประสงค์ออกนาม) ที่ได้ส่งรูปนี้มาให้และแอดได้พูดคุยจนได้สรุปออกมาเป็นประเด็นให้ทุกคนได้ลองนำไปปรับใช้กัน และหวังว่าบทความนี้จะเป็นตัวช่วยให้ทุกคนเดินทางไปถึงร้านค้าระดับ 7 กันได้นะครับ
ลูกเพจแจ้งว่าเปิดร้านได้ 2 เดือน มีสินค้าทั้งหมด 30 SKU และส่งรูปภาพนี้มาให้แอดแปะไว้
สรุป
สิ่งที่ได้นำเสนอทั้ง 10 ข้อนั้นถ้าเราได้ใช้ครบและทำตามทุกตัว ยังไงก็ขายดีได้ไม่ยาก และมันค่อนข้างครบเครื่องแล้วสำหรับการที่เราอยากขายดีบน Lazada หากใครยังไม่เคยลองหรือยอดยังไม่ปัง ก็ลองเอาวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูได้เลย เพราะแม้แต่ร้านขายดีเองก็ใช้วิธีตามที่แอดได้แนะนำแบบถูกวิธีจนได้ยอดขายที่โตแบบสุดๆ