ตั้งแต่ศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา Social Media กำลังมาแรงจนอะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้วจ้า หลากหลายแพลตฟอร์มต่างก็พัฒนากลยุทธ์มาสู้กันแบบไม่มีใครยอมใครเลย Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัทชื่อดังสัญชาติอเมริกาอย่าง Meta หรือชื่อเดิม Facebook ก็ไม่น้อยหน้าใครนะจะบอกให้ ปัจจุบันเค้าเองก็กำลังนำเทรนด์ Metaverse เข้ามาสู่ชาวโลกและเทรนด์นี้อาจจะทำให้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ว่าได้
สิ่งแรกที่เราสังเกตุได้ ก็มาจากการเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก Facebook เป็น Meta นั่นแหละ แต่ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกกับโปรเจคที่พี่มาร์คกำลังทำนั้น เรามาเรียกน้ำย่อยแบบพอหอมปากหอมคอ โดยการมารู้จักกับ Mark Zuckerberg อย่างละเอียดกันก่อนดีกว่าค่ะว่าเศรษฐีพันล้านผู้ทรงอิทธิพลคนนี้คือใคร ประวัติของเขาจะพิเศษขนาดไหน เขาสร้างFacebook มาได้อย่างไร อย่ารอช้า มาอ่านกันเลย ลุยยย!
เรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ Mark Zuckerberg (กดเลือกอ่านได้)
- มารู้จักกับประวัติของ Mark Zuckerberg กัน
- ส่อแวว Programmer ตั้งแต่อายุยังน้อย
- ตามรอย Mark Zuckerberg นักเขียนโปรแกรมชื่อดัง แห่งมหาลัย Harvard
- จุดเริ่มต้นกว่าจะมาเป็น Facebook (Meta)
- Mark Zuckerberg ไม่ได้เป็นเจ้าของแค่ Meta (Facebook)
- นักธุรกิจที่เป็นมากกว่านักธุรกิจ
- Bonus ! A little secret to success กุญแจสู่ความสำเร็จของ Mark Zuckerberg ถ้ารู้แล้วจะร้อง “อ๋อ” ความสำเร็จอยู่ที่ไม่ไกลอย่างที่คิด
- สรุป
มารู้จักกับประวัติของ Mark Zuckerberg กัน
Mark Zuckerberg เกิดที่เมือง Dobbs Ferry, New York ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1984 พี่มาร์คเป็นพี่ชายคนโตและมีน้องอีก 3 คน ในวัยเด็ก เขาถูกเลี้ยงดูอย่างสุขสบาย ครอบครัวของเขาที่มีฐานะดี โดยมีคุณพ่อเป็นหมอฟันและคุณแม่จิตแพทย์
ส่อแวว Programmer ตั้งแต่อายุยังน้อย
ความหลงใหลด้านคอมพิวเตอร์จุดประกายขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก พ่อของ Mark Zuckerberg ซื้อคอมพิวเตอร์ให้เขา ตอนที่พี่มาร์คอายุได้ 12 ปี ทำให้เขาได้เรียนรู้การเขียนโปรแกรมและสร้างโปรแกรมขึ้นมาเอง โดยตั้งชื่อว่า “Zucknet” เป็นโปรแกรมสำหรับส่งข้อความหากับคนอื่นได้โดยไม่ต้องตะโกนคุยกันอีกต่อไป
คล้ายๆ กับ Facebook Message หรือ Line ในปัจจุบันนั่นแหละ คุณพ่อหมอฟันก็นำเอาโปรแกรมนี้ไปใช้ในคลินิกทันตกรรม รวมถึงใช้สื่อสารกันในบ้านของพี่มาร์คเองด้วย นอกจากนั้นพี่มาร์คยังไม่หยุดที่จะเรียนรู้ เขาพัฒนาไปเรื่อยๆ จนสามารถสร้างเกมคอมพิวเตอร์ขึ้นมาได้
สมัย Mark Zuckerberg เป็นนักเรียนมัธยมที่ Phillips Exeter Academy เขาและผองเพื่อนช่วยกันเขียนโปรแกรมที่มีชื่อว่า “Synapse” โปรแกรมเครื่องเล่นเพลงที่สามารถเรียนรู้รสนิยมเพลงของคนฟังได้ เพื่อที่ระบบจะสามารถแนะนำเพลงตามความชอบของผู้ฟังได้อย่างเหมาะสม
ที่น่าทึ่งสุดๆ ก็คือ โปรแกรมนี้ไปสะดุดตาบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ AOL เข้า พวกเขาจะขอซื้อโปรแกรม Synapse และ Microsoft ยังเจรจาว่าจ้าง Mark Zuckerberg ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยนะ แต่เขากลับปฏิเสธโอกาสนี้ไปเพราะเขาคิดว่ายังมีโอกาสที่ดีกว่านี้รอเขาอยู่
ตามรอย Mark Zuckerberg นักเขียนโปรแกรมชื่อดัง แห่งมหาลัย Harvard
หลังจากจบมัธยมที่ Phillips Exeter Academyแล้ว Mark Zuckerberg ก็ได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย Harvard สาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ในปี 2002 สองปีต่อมา Mark Zuckerberg ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นเลิศที่ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในฮาร์วาร์ด
ซึ่งก็คือ “CourseMatch” เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้นักศึกษาสามารถเลือกวิชาที่ตัวเองอยากลงเรียนได้ อีกทั้งยังสามารถดูจำนวนนักศึกษาที่ลงเรียนในแต่ละคอร์สได้อีกด้วย ยังไม่หมดแค่นี้นะ อีกหนึ่งโปรแกรมที่พี่มาร์คของเราเขียนก็คือ “Facemash” โปรแกรมนี้ค่อนข้าง Challenge เลยทีเดียว
เพราะพี่มาร์ค ซักเคอเบิร์ก จำเป็นต้องแฮ็คข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของ Harvard เพื่อดึงเอารูปนักศึกษามาเก็บไว้ใน Facemash โดยวิธีก็คือโปรแกรมจะสุ่มรูปนักศึกษาขึ้นมาแล้วโหวตกันว่าชอบใครมากกว่ากัน โปรแกรมนี้กลายเป็นที่นิยมในเหล่านักศึกษาฮาร์วาร์ดภายในเวลาไม่กี่วัน
แต่…ถึงจะปังก็พังได้นะ หลังจากเปิดโปรแกรมได้ไม่นานเลย Mark Zuckerberg ก็โดนมหาลัยสั่งปิดโปรแกรมเพราะเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลและเขายังถูกกรรมการทำทัณฑ์บนอีกด้วย
จุดเริ่มต้นกว่าจะมาเป็น Facebook (Meta)
พี่มาร์คผู้ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เขายังคงตั้งใจที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลนักศึกษาไว้ในเว็บอยู่ดี พอเข้าปี 2004 ช่วงที่ Mark Zuckerberg เรียนอยู่ปี 2 เขาเขียนเว็บขึ้นมาใหม่ที่มีชื่อว่า TheFacebook.com พร้อมกับผองเพื่อนอีก 4 คน Andrew McCollum, Dustin Moskovitz, Chris Hughes และ Eduardo Saverin เรียกได้ว่าใครๆ ก็หยุดหนุ่มฮาร์วาร์ดรุ่นใหม่ไฟแรงคนนี้ไม่ได้จริงๆ
โดยการก่อตั้งเว็บนี้จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาฮาร์วาร์ดกรอกข้อมูลประวัติของตัวเองลงไป ปรากฏว่าหลังจากเปิดตัวเว็บไซต์ได้ไม่นาน มีนักศึกษามากมายแห่เข้ามาลงทะเบียนในเว็บอย่างล้นหลาม พี่ Mark Zuckerberg ก็ได้เล็งเห็นโอกาสในการเติบโต
เขาเลยขยายเว็บไซต์ไปยังมหาลัยอื่นทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดาภายในเวลาไม่กี่เดือน และเวลาต่อมา Mark Zuckerberg ตัดสินใจดรอปเรียนที่มหาลัย Harvard ไว้ก่อน เขาและเพื่อนร่วมทีมอีก4คนตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปที่ California (Silicon Valley อาณาจักรแห่ง Startup ยักษ์ใหญ่นั่นเอง)
เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้สวย Mark Zuckerberg ก็เริ่มขยายเว็บไซต์ให้คนทั่วไปใช้งานได้ด้วย และเริ่มมองหานักลงทุนมาซัพพอร์ตธุรกิจของเขา นักลงทุนคนแรกก็คือ Peter Thiel แห่ง Paypal ยังไงล่ะ Facebook เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จากปี 2004 จนถึง 2022 มีจำนวนผู้ใช้ Facebook ทั้งหมดเกือบสามพันล้านคนทั่วโลก
พี่มาร์คไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้ จะเห็นได้ว่าเค้าได้ปล่อย Features ใหม่ๆ ออกมาอยู่ตลอด เช่น Tagging feature, Market Place, Facebook Chat, Video Call, 360 Degree photo feature และ feature อื่นๆ ที่
Mark Zuckerberg ไม่ได้เป็นเจ้าของแค่ Meta (Facebook)
หลายๆคนอาจจะรู้จัก Mark Zuckerberg ในตำแหน่ง CEO ใหญ่แห่งบริษัท Meta (Facebook) แต่ความจริงแล้ว พี่มาร์ค ซักเคอเบิร์ก ได้เข้าซื้อกิจการมากมาย ตัวอย่างเช่น Beluga (2011), Instagram (2012), Onavo (2013), Whatsapp (2014), Oculus VR (2014) และอื่นหลายๆ บริษัท
นักธุรกิจที่เป็นมากกว่านักธุรกิจ
ฮั่นแน่ะแค่เห็นหัวข้อก็ งง แล้วใช่ไหมคะ (แอดมินก็งงเหมือนกัน ล้อเล่นนะคะ) อย่าพึ่งหนีไปไหนกันน้า มาอ่านให้จบก่อน แอดมินจะมาเฉลยให้ฟังค่ะ หากพูดถึงนักธุรกิจหลายๆ คน ก็อาจจะนึกถึงเจ้าของกิจการที่ขายสินค้าและบริการที่ดี มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคเพื่อให้ผู้บริโภคพึงพอใจมากที่สุด
แต่สิ่งที่ Mark Zuckerberg โดดเด่นไปจากนักธุรกิจทั่วๆ ไป ก็คือเขาเป็นนักธุรกิจและนักการกุศลในขณะเดียวกัน พี่มาร์ค ซักเคอเบิร์ก และภรรยามีความตั้งใจจะทำสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ให้กับชาวโลก ทำให้ชีวิตคนอื่นๆ ดีขึ้น พวกเขาจึงได้ก่อตั้ง มูลนิธิการกุศล Chan Zuckerberg Initiative ขึ้นมา “We want you to grow up in a better world than ours today “ (credit : Mark Zuckerberg and Priscilla Chan)
Mark Zuckerberg พยายามที่จะส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาทางการแพทย์ เพื่อต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บและเพิ่มความสามารถในการรักษาผู้ป่วยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น พี่มาร์คและภรรยายังสนับสนุนการศึกษาที่เท่าเทียมกันและทำประโยชน์ให้กับสังคมอีกมากมายเลย สุดยอดเลยใช่ไหมคะ Mark Zuckerberg นี่หล่อทั้งภายนอกและภายในเลยนะเนี่ย
Bonus! A little secret to success กุญแจสู่ความสำเร็จของ Mark Zuckerberg ถ้ารู้แล้วจะร้อง “อ๋อ” ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลอย่างที่คิด
ประตูลับสู่ความสำเร็จของ Mark Zuckerberg ก็คือ “ คุณไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก “ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การเริ่มลงมือทำ ตราบใดที่เพื่อนๆ ก้าวขึ้นบันไดขึ้นแรกแล้ว เพื่อนๆ ก็จะเห็นหนทางไปสู่บันไดก้าวที่สอง สาม สี่ ห้า ไปเรื่อยๆ ปัญหาก็คือว่าคนส่วนใหญ่กลัวความผิดพลาด ไม่กล้าออกจาก Comfort zone แต่อย่าลืมนะ คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนเคยผิดพลาดกันมาทั้งนั้น
ถ้าเพื่อนๆ อยากเป็นเหมือนพวกเขา ก็ต้องกล้าลงมือทำ กล้าคิดนอกกรอบ ถ้าผิดพลาดก็เรียนรู้ พอเพื่อนๆ ได้เริ่มบันไดขั้นที่หนึ่งแล้ว ทุกๆ อย่างก็จะตามมาเองค่ะ ยังไม่หมดเพียงแค่นี้นะคะ อีกหนึ่งเคล็ดลับของพี่มาร์คที่น่าสนใจมากๆ เลย ก็คือ เป้าหมายที่เราตั้งไว้ควรจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญกว่าตัวเราเอง Mark Zuckerberg เขาไม่ได้ต้องการจะทำบริษัทใหญ่ๆ เพื่อกำไรหรือเงินทองที่มากมายหรอกนะ
แต่เขาแค่ต้องการสร้าง Impact ให้กับสังคมค่ะ แอดมินเองมองว่าตราบใดที่เรามีเป้าที่มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ตั้งเป้าหมายที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น หรือเป้าหมายให้คุณค่ากับคนอื่นๆ เงินทองก็ตามมาเองค่ะ
สรุป
เราเดินทางมาถึงบทสรุปกันแล้วนะคะทุกคน วันนี้เนื้อหาสาระความรู้อัดแน่นมากๆ เรื่องราวประวัติของ Mark Zuckerberg ตั้งแต่เด็กจนโต จะเห็นได้ว่า ถึงแม้พี่มาร์คจะฉายแววนักเขียนโปรแกรมตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาก็ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ลองทำอะไรใหม่ไปเรื่อยๆ กว่าจะประสบความสำเร็จจนมีอาณาจักร Meta (Facebook) ที่ยิ่งใหญ่และครอบครองบริษัทอื่นๆ อีกมากมายจนถึงทุกวันนี้ หวังว่าเรื่องราวประวัติของ Mark Zuckerberg จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนได้นะคะ