Plugin WordPress เป็นส่วนเสริมที่ช่วยปรับปรุง ตกแต่งเว็บไซต์ของเราให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะ Theme บางครั้งก็อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ทั้งหมด จึงต้องใช้ Plugin เข้ามาช่วยประกอบเพื่อให้เว็บของเราสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่า 10 Plugin ยอดนิยมบน WordPress ที่มีทั้งฟรีและเสียเงินมีอะไรบ้าง
10 Plugin WordPress ยอดนิยมที่คุณไม่ควรพลาด (กดเลือกอ่านได้)
ก่อนเริ่มอ่านเรื่อง Plugin WordPress
หากใครยังไม่รู้จักว่า WordPress คืออะไร หรือกำลังมองหาวิธีการสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง แนะนำว่าก่อนเริ่มสามารถไปทำความรู้จักได้ที่บทความนี้เลย
1. WooCommerce
Plug in ตัวนี้สำหรับใครที่ทำเว็บแนวๆ E-Commerce ไม่ควรพลาดเด็ดขาด เพราะตัว WooCommerce ครบเครื่องเป็นอย่างมากสำหรับการลงสินค้า ขายสินค้า สต็อกสินค้า โปรโมชั่นต่างๆ และการจ่ายเงิน เป็นต้น ดังนั้นใครที่ทำเว็บแนวขายของก็ควรที่จะมีติดไว้ ที่สำคัญคือฟรีด้วยนะ
ราคา : ฟรี
2. WP Rocket หรือ Jetpack
ตัว WP Rocket เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการ Cache ต่างๆ การปรับค่าให้เว็บสามารถทำ Lazy Load รูปภาพเพื่อไม่ให้เว็บหนักจนเกินไป รวมถึงสามารถ Optimization พวกโค้ด CSS & JS ได้ในระดับที่ดีเยี่ยม ช่วยให้เว็บเราเบาและสามารถโหลดได้เร็วมากยิ่งขึ้น
ส่วนปลั้กอิน Jetpack ก็มีความคล้ายคลึงกันกับ WP Rocket แต่ฟีเจอร์ต่างๆ อาจจะทำได้น้อยกว่าเพราะเป็นของฟรี นอกจากนี้ยังสามารถจัดระเบียบทั้งการเก็บสถิติ การแชร์ อื่นๆ อีกมากมาย
ราคา : สำหรับ Plugin ตัวนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 49$ ต่อปี รับรองว่าคุ้มมากๆ กับที่เสียเงินไป
3. Yoast SEO & Rank Math
ใครที่เป็นสายทำบทความ Blog ต่างๆ และต้องการหาตัวช่วยในการ Guideline ในการทำ SEO สามารถเลือกใช้ Plugin ตัวใดตัวหนึ่งได้เลย เพราะทั้ง 2 ตัวนี้ช่วยในเรื่องของการแนะนำให้เราไม่พลาดจุดสำคัญในการทำ SEO
Yoast จะจับคำได้เฉพาะภาษาอังกฤษ
Rank Math สามารถจับคำคีย์เวิร์ดได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษทั้งคู่
โดยสำหรับ Yoast SEO และ Rank Math ค่อนข้างมีความคล้ายกันอย่างมากในการทำ SEO แต่ถ้าให้พูดจริงๆ หลายคนในกลุ่มของคนไทยก็จะเอียงเอนไปทาง Rank Math ซะมากกว่า เนื่องจากว่าฟีเจอร์ต่างๆ ที่ฟรีจะทำได้มากกว่าตัว Yoast SEO และมีลูกเล่นที่ใหม่มากกว่า ดังนั้นคนที่ทำ SEO มาจนเชี่ยวชาญแล้วก็มักจะใช้ Rank Math ในการทำ
แต่ส่วนใครจะถนัดอะไรก็สามารถใช้ปลั้กอินตัวนั้นได้เลย (ส่วนตัวแอดใช้ Yoast SEO นะ)
*** ปลั้กอินสำหรับทำ SEO ไม่ได้ส่งเสริมให้มีอันดับดีขึ้นแต่อย่างใด เป็นแค่เพียงเครื่องมือแนะนำในการทำ SEO ให้ถูกต้องตามหลักของ Google ก็เท่านั้น ที่เหลือก็อยู่ที่เราว่าทำตามหลักได้ถูกต้องหรือไม่
ราคา : ฟรี ส่วนเพิ่มเติมเรื่องอื่นๆ มีค่าใช้จ่ายรายปี แต่แค่ของฟรีก็เพียงพอใช้งานแล้ว
4. Elementor Pro
อีกเครื่องมือตกแต่งเว็บไซต์ให้สวยงามยอดนิยม หากใครไม่ถนัดใช้เครื่องมือพื้นฐานของ WordPress ก็สามารถใช้ Elementor PRO เข้ามาช่วยในการปรับเว็บไซต์ให้สวยงามมากยิ่งขึ้นได้ แต่ข้อเสียคือการใช้พวก Page Builder ต่างๆ จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีความหน่วง โหลดช้า ดังนั้นแล้วถ้าใครจัดวางหรือออกแบบงานภาพ Artwork สวยๆ อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้พวก Page Builder ก็ได้
ราคา : Elementor Pro อยู่ที่ 49$ ต่อปี แต่ก็มีเวอร์ชันฟรีให้ทดลองใช้อยู่เหมือนกัน และสำหรับบาง Hosting ก็มีแถม Elementor Pro ให้ฟรีด้วย
คอร์สเรียนแต่งรูปง่ายๆด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่ได้รูปมือโปร เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ
5. Contact Form 7
เครื่องมือสำหรับสร้างแบบฟอร์มเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลเพื่อติดต่อ หรือยังช่วยให้ลงทะเบียนรับข่าวสารได้ นอกจากนี้ยังรองรับ reCAPTCHA ที่เป็นตัวป้องกันการ Spam ของ Google ได้ดีอีกด้วย หากใครตั้งค่าไม่เป็น ก็สามารถหาดูได้ตาม YouTube หรือ Google ได้เลย มีคนสอนเยอะมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่เป็น
ราคา : ฟรี
6.All in One WP Security & Firewall
สำหรับ WordPress ที่เป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับด้านเว็บไซต์ ซึ่งต้องมีระบบป้องกันการโจมตีการแฮกเว็บไซต์ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับบางครั้งแฮกเกอร์ก็จะโจมตีผ่านตัวปลั้กอินอื่นๆ ที่มีช่องโหว่อยู่ ซึ่งตัว All In One WP & Security & Firewall จะมาช่วยปกป้องช่องโหว่ที่เกิดขึ้น และทำให้เว็บไซต์ของเราปลอดภัยจากแฮกเกอร์ที่ไม่หวังดี
ราคา : ฟรี
ปลั้กอินที่เหมาะสำหรับทุกเว็บไซต์สำหรับการที่จะให้ลูกค้าสามารถพูดคุย ติดต่อกับเราได้บนเว็บไซต์แบบ Real – Time โดยจะมีช่องทางให้เลือกติดต่อกับเรามากมายหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น LINE, Messenger, เบอร์โทร, E-Mail, WhatsApp และอื่นๆ อีก รวมกันกว่า 10 ปุ่ม ทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อเราได้สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย
ราคา : ฟรี
ข้อแนะนำ การติดตั้งปลั้กอินแชทแบบเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มข้างนอก จะส่งผลให้เว็บไซต์ของเราโหลดช้า เพราะต้องดึงข้อมูลจากแพลตฟอร์มนั้นๆ มาโหลดก่อน ดังนั้นควรติดตั้งตัว Optimize เว็บไซต์ให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เว็บของเราหน่วงจนเกินไป และเกิดประสบการณ์ที่ไม่ดีกับผู้ใช้งาน
8. Imagify
เครื่องมือตัวนี้มีความสำคัญอีกเคริ่องมือหนึ่งที่จะช่วยย่อขนาดของรูปภาพให้เล็กลงไปอีก เพื่อไม่ให้เว็บนั้นโหลดช้า ตัวปลั้กอิน Imagify จะทำหน้าที่บีบภาพแต่ยังคงคุณภาพของภาพให้ดีอยู่ อย่างเช่น ขนาดภาพปกติที่เราลงใน WordPress อยู่ที่ 100MB พออัพลงไปตัว Imagify จะทำการบีบให้อาจจะเหลือสัก 50MB เป็นต้น ทำให้เว็บเราโหลดเร็ว ไม่หนักจนเกินไป
9. Google Tag Manager for WordPress
ตัว Google Tag Manager For WordPress เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเชื่อมต่อผูก Google Tag Manager เข้ากับเว็บไซต์ของเรา โดยทำให้เราสะดวกมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องมานั่งใส่โฝค้ดเอง และการใช้งานก็ไม่ได้ยุ่งยาก มีสอนตาม YouTube หรือ Google เยอะแยะมากมาย
ราคา : ฟรี
ปลั้กอินตัวนี้เป็นตัวที่ช่วยป้องกันสแปมจากการคอมเมนต์ สังเกตได้ว่าจะมีคอมเมนต์ด้วยอีเมลแปลกๆ มาคอมเมนต์บนบทความของเรารัวๆ ทำให้เว็บของเราอาจจะล่มได้ ดังนั้นแล้วเครื่องมือตัวนี้จะมาช่วยให้เว็บไซต์ของเราปลอดภัยจาก Spam มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ควรจะมีเป็นอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ที่ตัว Theme ไม่ได้มีฟังก์ชันปิด Comment มาให้
ราคา : ฟรี แต่จะต้องลงทะเบียนสมัครใช้งานกับ Akismet ก่อนใช้งาน
Bonus รางวัลสำหรับผู้อ่าน
เว็บย่อขนาดรูปที่มีประสิทธิภาพ และ Marketing In Secret ใช้งานอยู่
ฟังเรื่อง Plugin WordPress ผ่าน YouTube
สรุป
Plugin แต่ละตัวเป็นเครื่องมือยอดนิยมเป็นอย่างยิ่งสำหรับ WordPress และสำหรับบางตัวควรจะติดตั้งไว้บนเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ Theme บางตัวอาจจะไม่ได้มีฟังก์ชันที่ครบขนาดนั้น จึงต้องมี Plugin มาคอยช่วยเสริมให้เว็บของเราครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด และหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรที่จะติดตั้งปลั้กอินมากจนเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้เว็บเราถ้า และเมื่อปลั้กอินมีฟังก์ชันที่คล้ายกัน ก็ส่งผลให้เว็บเราอาจจะมีปัญหาเพราะปลั้กอินตีกันได้อีกด้วย