คุณเคยเจอมั้ย ? เข้ากลุ่มไหนก็ตามมักจะเจอคนโพสต์รูปของที่แพ็คไว้แล้วเป็นจำนวนมหาศาล บางคนเจอแบบโชว์รูป 1000 ชิ้นบ้าง 500 ชิ้นบ้าง 100 ชิ้นบ้าง เป็นใคร ใครเห็นก็ย่อมอยากจะมีโมเมนต์แบบนี้บ้างสำหรับคนขายของ มันเป็นธรรมดาที่หากเราเป็นมือใหม่ หรือขายมาได้สักพักแล้วแต่ออเดอร์ยังน้อยอยู่ ในนี้เราจะมาพูดถึงหัวข้อ ขายเอากำไรรวมต้นทุนทุกอย่าง Vs ขายเอากำไรบวกน้อยนิดแต่ได้ออเดอร์แบบไหนดีกว่ากัน จริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนด้วยนะว่าสะดวกหรือชอบแบบไหน
ขายของเน้นกำไร Vs ขายเน้นจำนวนออเดอร์แบบไหนดีกว่ากัน ? (กดเลือกอ่านได้)
หากคุณอยู่ตามกลุ่มที่ขายของต่างๆ หรือกลุ่มที่แชร์ความรู้กันแบบฟรีๆ แอดเชื่อว่าอย่างน้อยๆ ที่เล่น Facebook จะต้องเจอคนโชว์จำนวนของที่แพ็คเป็นปริมาณมหาศาลจนเราเห็นแล้วเกิดอยากได้ออเดอร์แบบนั้นบ้าง โดยเฉพาะช่องทาง eCommerce หากใครได้ไปสิงอยู่ในกลุ่มก็จะเห็นเป็นประจำ
สำหรับการขายของทุกคนก็ล้วนคาดหวังในตัวกำไรกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมากจะน้อยแต่ก็ขอให้ได้กำไรก่อน อันนี้คือข้อเท็จจริง มันแทบจะไม่มีใครเลยที่จะยอมขายของขาดทุนตลอดเวลา โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรือกำไรในภายภาคหน้าในอนาคต ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างพวกกลุ่ม eCommerce ที่ยอมขาดทุนเพื่อทำการตลาด การโปรโมท การดึงดูดให้คนเข้ามาใช้งานแพลตฟอร์มกันมากยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลาที่แบรนด์ติดตลาด กลายเป็นที่นิยม และคนรู้จักไปทั่วก็จะเป็นจุดที่เริ่มจะกลับมาทำกำไรจากการโฆษณาให้กับแบรนด์ต่างๆ การ Boost ยอดการเข้าถึงบนแพลตฟอร์ม การหักค่าพื้นที่การขาย และอื่นๆ อีกมากมาย

ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ : Lenovo Thailand
แม้แต่แบรนด์ใหญ่ๆ เองที่มีชื่อเสียงและคนรู้จักอยู่แล้วก็ยังมีการทำโฆษณาเพื่อแนะนำสินค้าใหม่ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของบริษัทอยู่เสมอ จะเห็นได้ว่าเรื่องของการทำการตลาดก็มีความสำคัญไม่แพ้กับเรื่องอื่นๆ เลยทีเดียว
สิ่งที่เราต้องคิดเมื่อขายของออนไลน์
ในการขายของไม่ใช่เพียงแค่เราลงสินค้า ตั้งราคาบวกเพิ่มมานิดหน่อย 5 บาท 10 บาทเพื่อเอากำไร แล้วพอขายได้ก็บอกแล้วว่าเราได้กำไร ซึ่งถ้าคุณคิดแบบนี้บอกเลยว่าคุณกำลังทำผิดมหันต์ เพราะแท้จริงแล้วมันยังมีต้นทุนอื่นๆ แฝงไว้อยู่อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นค่าแพ็ค ค่าแรง ภาษี และอื่นๆ อีกเพียบ อยากรู้ว่าต้นทุนแฝงมีอะไรบ้างลองอ่านบทความ 6 ต้นทุนแฝงมันมีอะไรบ้าง
พอทีนี้เมื่อเราขายถูกมากๆ เพราะเอากำไรน้อย ตัดราคาคนอื่น แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือมีออเดอร์เยอะขึ้น ปริมาณคำสั่งซื้อเยอะขึ้นแบบสุดๆ แน่นอนว่ากำไรแค่ 5 บาท 10 บาท กว่าคุณจะได้กำไร 1000 บาทคุณต้องขายไปตั้ง 100 – 200 ออเดอร์ เลยทีเดียว สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อถึงเวลาที่เรามีรายได้สอดคล้องกับการจ่ายภาษี ตอนนั้นแหละจะทำให้เราขาดทุนได้เพราะไม่ได้บวกราคาเผื่อภาษีไป แน่นอนว่าการขายถูกทำให้เราได้ปริมาณออเดอร์เยอะขึ้น แต่กำไรมันจะไม่พอให้เราจ่ายค่าต่างๆ ได้แน่ๆ
ทีนี้กลับกันถ้าเราขายของตามปกติ บวกกำไร บวกค่าแรง ค่าแพ็ค ค่าส่ง และค่าจิปาถะอื่นๆ เข้าไปในราคาสินค้าแล้ว พอถึงเวลาขายเราได้ออเดอร์ที่น้อยลง แต่กำไรมากขึ้น มันย่อมส่งผลดีต่อตัวเราในอนาคต อาทิเช่น มีกำไรเหลือพอสำหรับการจ้างลูกน้องช่วยแพ็ค การจ่ายภาษี การเช่าพื้นที่ขยายกิจการในอนาคต เป็นต้น
ทำไมบางคนมีออเดอร์เยอะและมีกำไรด้วยเหมือนกัน ?
บางคนที่คุณเห็นออเดอร์เยอะ เค้าอาจจะคิดทุกอย่างไว้กับราคาสินค้าและขายได้กำไรเพียงพอที่จะหักไว้จ่ายค่าต่างๆ แล้วก็ได้ แต่ที่ขายดีอาจจะเป็นเพราะ
- สินค้ากระแสช่วงต้น
- สินค้าเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ตอบโจทย์ผู้ซื้ออยู่แล้ว
- สินค้าเฉพาะ ที่มีคนขายไม่เกิน 5 รายในตลาดเท่านั้น

เรื่องสินค้ากระแสคุณเองก็สามารถติดตามได้จากเหล่า Social Media ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวก Facebook หรือ TikTok ก็มักจะมีการหาซื้อหรือขายสินค้ากระแสอยู่บ่อยครั้ง หากสนใจสินค้ากลุ่มนี้คุณต้องเข้าให้เร็วและรู้จังหวะออกด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วโอกาสที่จะขาดทุนมีสูงเลยทีเดียว
ปัจจัยการที่จะทำให้เราได้ออเดอร์เยอะๆ ขายได้กำไรดีๆ มันก็ขึ้นอยู่กับที่ตัวสินค้าด้วยเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าสินค้าที่เป็นกระแสจะไม่สามารถบวกกำไรเข้าไปได้ อยู่ที่ตัวเราเองว่าพึงพอใจจะตั้งเท่าไหร่ อาจจะเสริมพวกของแถม โปรโมชั่นต่างๆ เข้าไปช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้มากขึ้น
บางคนอาจจะได้ต้นทุนที่ถูกทำให้เค้าขายราคาถูกได้ เช่น คนที่นำเข้าสินค้าจากจีน หรือคนที่ดีลโรงงานเองได้ เป็นต้น
ใครที่ยังเป็นมือใหม่และอยากที่จะขายของในระยะยาวเป็นอาชีพเสริมหรือคิดจะผันตัวไว้ทำเป็นอาชีพหลักที่มั่นคง แนะนำว่าอย่าตัดราคาเพื่อเอาปริมาณออเดอร์เยอะๆ เข้าไว้ ถ้าไม่ได้วางแผนการตลาดไว้เผื่ออนาคตสำหรับการทำแบบนี้ เหมือนกับเรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงล่มสลายเหมือนหลายคนที่ทำ เดียวเมื่อขายของได้เยอะเข้าทีนี้ค่าใช้จ่ายในส่วนพวกธุรกรรมแพลตฟอร์ม ค่าธรรมเนียมการชำระเงิน ค่าอื่นๆ จิปาถะมากมายจะถาโถมเข้ามาหาและทำให้เราขาดทุนได้ โดยเฉพาะเรื่อง “ภาษี”
สรุป
สำหรับเพื่อนๆ ที่ฟังมาถึงตรงนี้แล้ว มีความคิดเห็นกันว่าอย่างไรบ้าง ระหว่างขายได้ออเดอร์เยอะๆ กับ ขายของเอากำไรได้ แต่ได้ปริมาณลดลง เพื่อนๆ เลือกอันไหนกัน ? สำหรับแอดแล้วฝั่ง eCommerce จะเล่นเอาออเดอร์ให้ได้เยอะสักนิดพอมีรีวิว แล้วค่อยปรับราคามาตามที่เราได้กำไรไว้ ส่วนใครคิดแตกต่างจากนี้มาคอมเมนต์พูดคุยกันได้เลยครับ ไม่มีถูกมีผิดน้า