แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย

การยิงแอด Facebook สำหรับมือใหม่คงเป็นเรื่องที่ดูแล้วยากมากๆ ในการยิง แต่คนที่ยิงบ่อย คล่องแล้วก็จะพบว่าสิ่งที่ยากที่สุดคือจะทำโฆษณาของเรายังไงให้ปังเหมือนกับตัวเก่าๆ ดี กว่าจะได้ก็หมดเงินไปเยอะพอสมควร ต้องมานั่งทำใหม่อีกถ้าตัวเก่าดูแล้วใช้งานไม่ได้อีกต่อไป

แต่สำหรับมือใหม่ก็จะมีคำถามที่แอดได้เจอบ่อยๆ อยู่ด้วยกัน 5 ข้อ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

1. เริ่มต้นยิงแอดกี่บาทดี ?

ยิงแอด Facebook กี่บาท

อันนี้แอดเจอบ่อยมากสำหรับคนที่เริ่มยิงแอด Facebook ในช่วงเริ่มต้น เพราะไม่รู้ว่าควรใช้งบเท่าไหร่ดีในการยิงแอด Facebook อันนี้แนะนำว่าให้ลองคำนวณงบประมาณในการยิงแอด Facebook ของตัวเองก่อนว่าตั้งไว้ที่เท่าไหร่

อย่างเช่น งบที่เราตั้งไว้เต็มที่ได้วันละ 100 บาท ก็อาจจะตั้งไว้สัก 5 – 7 วัน เพื่อดูผลลัพธ์ หากคุณรู้สึกว่าต้นทุนต่อการซื้อสินค้าสูงกว่าที่ควรจะเป็น ก็ค่อยเปลี่ยนวิธีการทำโฆษณาใหม่

เช่น สินค้ารวม Vat 7% และค่าขนส่งค่าแพ็คสินค้าเรียบร้อยอยู่ที่ 59 บาท แต่ต้องบวกต้นทุนในการโฆษณาไปด้วยสัก 20 – 30% ในการทำการตลาด เท่ากับว่าจะต้องขายสินค้าในราคา 59+20% = 71 บาท ถึงจะพอคุ้มค่าโฆษณา

หากค่าโฆษณาสูงกว่า 20% ที่เราตั้งไว้ ก็คิดไว้เลยว่าหากเกินไปเยอะก็ควรปิด หากเกินนิดหน่อยแต่ได้เรื่อยๆ ก็อาจจะเปิดต่อ อันนี้แล้วแต่ทุนของคนทำ

ยิงแอด facebook

รูปภาพจากลูกเพจส่งมาให้เทสยิงข้อความ ปรากฏว่ายิงไปครั้งแรกเจอไปข้อความละ 83.95 บาท สินค้ากำไรอยู่ที่ 50 บาท(จะเป็นลม) แบบนี้ถ้าเทส 5 วันแล้วยังสูงอยู่ ก็เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย เปลี่ยนโฆษณา หรือเปลี่ยนสินค้าได้เลย หรืออีกแบบคือทำโฆษณาแบบ CBO ช่วยหาโฆษณาที่ดีที่สุดให้เราก็ได้ (เดียวมีอธิบายต่อ)

ยิงโฆษณาแบบ CBO

แต่จริงๆ แล้วสำหรับการใช้งบโฆษณาสามารถเริ่มต้นทำได้ที่ 33 บาทต่อวัน ถ้าเราเริ่มต้นยิงแอดไปแล้ว ผลลัพธ์ออกมาดีก็ค่อยเพิ่มงบในการทำโฆษณาเอา

แต่จำไว้ว่ายิงแอดยังไงให้คุ้มกับเริ่มต้นที่สุด ให้เราดูกำไรที่เราจะได้ หากน้อยจนเกินไปหลังจากหักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ก็อาจจะปรับโฆษณาใหม่แล้วลองเทสใหม่ดู ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ งบเยอะจะอัดวันละ 2 – 3000 ทันที หากคุณคิดว่ายังไม่คล่องมากพอ ให้เริ่มเทสจากน้อยๆ ไม่เกิน 500 บาทต่อวันดูก่อน”

2. ใส่กลุ่มเป้าหมายแบบไหนดี ?

กลุ่มเป้าหมาย Facebook

ขายครีม ใส่กลุ่มเป้าหมายอะไรดี ?

ขายเสื้อผ้า ใส่กลุ่มเป้าหมายแบบไหน ?

ขายเคสโทรศัพท์ เลือกกลุ่มเป้าหมายไหนดี ?

คำถามเหล่านี้เจอเยอะมากๆ เพราะยังไม่รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราจะเป็นใคร เริ่มต้นจากให้เราทดใส่กระดาษก่อนลงโฆษณาก่อนก็ได้ว่าสินค้าที่เราจะขายเอามาทำโฆษณาเป็นกลุ่มเป้าหมายแบบไหน ใครจะซื้อของเรา จะซื้อเมื่อไหร่และที่ไหนได้บ้าง ? หากยังไม่รู้กลุ่มเป้าหมาย ลองดูบทความ วิธีหากลุ่มเป้าหมาย Facebook แบบง่ายๆ ให้ได้กลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพมากที่สุด

และนำกลุ่มเป้าหมายที่เราวิเคราะห์มาลองใช้ดูและคาดการณ์ว่ากลุ่มเป้าหมายเราเป็นใครบน Facebook ก็เทียบกับตัวเลือกที่ได้ให้มา ซึ่งบน Facebook มีกลุ่มเป้าหมายแสดงให้เราเลือกแค่ประมาณ 100 กลุ่มเป้าหมาย

แต่ที่แอบไว้อยู่มันมีรวมๆ มากกว่า 500 กลุ่มเป้าหมายเสียอีก ดังนั้นแล้วเราก็ต้องมาเทสว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร และอยู่ในกลุ่มไหนด้วยการเทสโฆษณานั่นเอง

ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย Facebook

ที่สำคัญคือการ “ใส่กลุ่มเป้าหมาย” ไม่ควรใส่ตรงๆ เพราะนอกจากอาจจะไม่ตรงแล้ว มันยังกว้างเกินไปอีกด้วย อย่างในรูปภาพด้านบนใส่แค่ “เสื้อผ้า” อย่างเดียว แต่เราขายเสื้อผ้าผู้หญิง ตัวโฆษณาก็อาจจะวิ่งไปหาผู้ชายที่ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้เช่นกัน

พยายามใส่กลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะหรือให้สัมพันธ์กันไว้ จะช่วยลดค่าโฆษณาและยิงได้ตรงถูกจุดมากยิ่งขึ้น แต่ก่อนจะทำก็ต้องเข้าใจกฎโฆษณาของ Facebook ก่อนด้วยนะ

ประหยัดต้นทุนในการทำโฆษณาลง 30% และค้นหากลุ่มเป้าหมายให้กับธุรกิจได้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย InterestPRO

3. เทสแอดยังไงดี ?

CBO Facebook คืออะไร

“เทสแอดยังไงดีครับพี่ ?”

“พี่คะเทสแอดคืออะไร ?”

ฯลฯ

คำถามยอดนิยมที่แอดหรือใครที่ยิงโฆษณามักจะเจอประจำ (ก็ไม่แปลก เพราะบทความนี้รวมคำถามยอดนิยม ><”) การเทสแอดก็จะเป็นการสร้างโฆษณามาหลายๆ ตัวหรือตัวเดียวแต่ใช้หลาย Adset (ชุดโฆษณา) มาเพื่อทดสอบหากลุ่มเป้าหมายหรือตัวโฆษณาที่ดีที่สุดหรือที่เรียกว่าการทำ CBO นั่นเอง เป็นการสร้าง Adset ขึ้นมาซ้ำแต่อาจจะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย เปลี่ยนปุ่ม เปลี่ยนโพสต์ เพื่อวัดประสิทธิภาพของโฆษณา และเป็นการให้ระบบของ Facebook ช่วยใช้งบประมาณโฆษณาของเราให้คุ้มที่สุดอีกด้วย

วิธีทำ CBO Facebook

ตรง CBO เราสามารถเลือกตรงจุด 3 จุดแล้วกดทำซ้ำด่วนหรือสร้างซ้ำได้ แล้วค่อยไปแก้ชุดโฆษณาทีละตัวเป็นโพสต์อื่น กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ได้เช่นกัน และที่สำคัญการใส่งบให้เราเลือกจากเดิมใส่งบใน Adset ไปใส่ใน Campaign แคมเปญแทน เพื่อให้ Facebook ปรับงบโฆษณาลงให้เหมาะสมกับแต่ละชุดโฆษณาเอง

ยิงแอดตั้งค่าแคมเปญ

4. แอดอนุมัติช้าหรือไม่โดนอนุมัติทำยังไง ?

แอด Facebook ไม่อนุมัติ

โดยปกติแล้วการทำโฆษณาครั้งแรกจะถูกอนุมัติภายใน 24 ชม. เมื่อเราทำโฆษณาเสร็จสถานะโฆษณาก็จะถูกอยู่ในการดำเนินการตรวจสอบ หากไม่มีการผิดกฎใดๆ ของ Facebook โฆษณาก็จะเปลี่ยนเป็นสถานะเผยแพร่

แต่ถ้าเกิดว่านานกว่า 24 ชม เป็นต้นไป ให้ไปเช็คโฆษณาของเราอีกครั้งว่าผิดพลาดตรงไหน หรือตั้งค่าตรงไหนผิดหรือไม่ รวมถึงดูเรื่องของรูปภาพ ข้อความ ลักษณะโพสต์ของเรา หากพบก็แก้ไข เท่านี้แอดก็ผ่านเรียบร้อย

สำหรับมือใหม่ อยากให้อ่านเรื่อง “คำต้องห้ามโฆษณาของ Facebook” เพื่อเข้าใจก่อนว่า Facebook ห้ามอะไรบ้าง และมีคำไหนทีเสี่ยงจะโดนแบนได้

5. ยิงแอดแบบข้อความหรือแบบไหนดี ?

ยิงโฆษณา Facebook ข้อความ

การยิงแอดแต่ละครั้งก็ต้องมีความแตกต่างกันไปตามประเภทของสินค้าที่ขาย บางสินค้าอาจจะเริ่มต้นยิงขายเลยไม่ได้ อย่างเช่นพวกของชิ้นใหญ่ๆ อย่างแอร์ บ้าน รถยนต์ เตียงนอน ฯลฯ

เราอาจจะต้องใช้การเขียนคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์กับผู้อ่านหรือการแนะนำผลิตภัณฑ์และใช้การยิงแอดแบบมีส่วนร่วมเพื่อให้เข้าถึงเป็นปริมาณมากก่อน

เมื่อลูกค้าพบโฆษณาของเราบ่อยๆ และเห็นว่าเราชำนาญการ เค้าอาจจะตั้งให้เราเป็นตัวเลือกเบอร์ 1 ในใจสำหรับลูกค้าก็ได้ หรืออาจะยิงแอดไปสักพัก 3 – 5 วัน แบบการมีส่วนร่วมหรือการเข้าถึง ก็ค่อยซ้ำแบบข้อความไปอีกครั้งก็ได้

เพราะส่วนใหญ่แล้วบนโลกออนไลน์ ลูกค้าไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าเมื่อเห็นโฆษณาในครั้งแรก แต่ต้องเห็นประมาณ 3 – 4 ครั้งขึ้นไปถึงจะเริ่มมีความสนใจหรือเกิดการซื้อ

ดังนั้นก็ดูสินค้าของเราว่าเหมาะกับการทำโฆษณาแบบไหนที่จะได้ผลดีที่สุด แต่ของชิ้นเล็กๆ ไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนานมากก็สามารถยิงแอดข้อความอัดเข้าไปได้เลย

ซื้อคอนโด

ตัวอย่างโฆษณาของอนันดา ที่เป็นการแนะนำคอนโดใหม่จากทาง Ananda ซึ่งเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายก่อน แล้วเมื่อสนใจก็สามารถกดไปลงทะเบียนเยี่ยมชมโครงการที่หน้าเว็บได้ ซึ่งแต่ละสินค้าหรือบริการก็ใช้วัตถุประสงค์ยิงแอดที่แตกต่างกันไป ไม่จำเป็นว่าต้องยิงข้อความอย่างเดียวก็ได้

สรุป

การยิงแอด Facebook ไม่มีสูตรตายตัว ไม่มีสูตรไหนเป๊ะ 100% ที่จะยิงแอดปุ๊บใช้งานได้ตลอดถาวร สิ่งที่ควรเข้าใจก่อนคือ รู้จักการปรับปรุง และแก้ไขโฆษณาให้ถูกหลัก และหมั่นตรวจสอบผลลัพธ์ในการโฆษณาอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และพฤติกรรมการซื้อ รวมถึงการตอบสนองต่อโฆษณาของเราด้วยนั่นเอง


แชร์แบ่งปันกับเพื่อนๆ ได้เลย
Shopping cart0
There are no products in the cart!
Continue shopping