การทำเว็บไซต์ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพอีกตัวหนึ่ง แต่หลายคนเลือกที่จะยังไม่ทำเพราะอาจจะติดภาพในเรื่องของความวุ่นวายในการดูแล ต้องเขียนโค้ดเป็น ต้องจ้างพนักงานเฉพาะด้านเว็บไซต์เพิ่ม หรือแม้กระทั่งกลัวตัวเองทำไม่เป็นและเมื่อทำผิดปุ๊บเว็บพังทันที
ปัจจุบันมีเว็บไซต์สำเร็จรูปให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยที่เราไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ดใดๆ ทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นก็คือ WordPress นั่นเอง ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงการเลือก Theme ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ พร้อมกับสอนการเลือก Theme ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเรากัน
เลือก Theme ยังไงให้เหมาะกับเว็บไซต์ของเรา พร้อมแนะนำการเลือกซื้อ Theme WordPress (กดเลือกอ่านได้)
1. Theme คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ
Theme ถ้าให้พูดกันง่ายๆ ก็เหมือนกับการเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับตัวเรา แต่สำหรับ Theme นั้นเราต้องเข้าใจก่อนว่าเว็บไซต์ของเราที่สร้างขึ้นมามีจุดประสงค์อะไร เพื่อขายสินค้า ให้รายละเอียดบริษัท หรือเพื่อสิ่งอื่นๆ จากนั้นตัว Theme จะเป็นเหมือนโครงสร้างที่ทำให้เว็บไซต์ของเราสามารถทำได้ตามวัตถุประสงค์ที่เราได้ตั้งเอาไว้
การเลือก Theme ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราสวยงาม เพราะจะเป็นตัวช่วยวาง Guideline ให้เว็บไซต์ของเราจัดเป็นระบบระเบียบเข้าที่เข้าทางได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
ถึงแม้จะดูสำคัญ แต่ก็ไม่ได้มากถึงที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วจะอยู่ที่การออกแบบของเราเอง ตัว WordPress สามารถปรับได้ยืดหยุ่นอยู่แล้ว แต่ต้องดูฟังก์ชันของ Theme ให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเราด้วย
2. วิธีเลือกซื้อ Theme ที่เหมาะสม
การเลือกซื้อ Theme ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะว่าบางคนเจอ Theme ที่ถูกใจแล้ว แต่อาจจะเจอที่ไม่ได้อัพเดทมานาน ทำให้เมื่อเราซื้อมาและเกิดปัญหา เราจะไม่สามารถแก้ไขได้ แถมยังเสี่ยงต่อการติดไวรัสจากผู้ไม่หวังดีมาโจมตีเว็บไซต์เราจากการที่ไม่ได้อัพเดทได้อีกด้วย
แหล่งเลือกซื้อ Theme สวยๆ
2.1. Themeforest
เป็นแหล่งรวม Theme WordPress ของนักพัฒนาหลายๆ คนไว้อยู่ในที่เดียว มีให้เลือกมากมายตั้งแต่ Theme ไปจนถึงพวก Video Motion ต่างๆ ก็ยังสามารถาหาได้ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวม Digital Product เลยก็ว่าได้
2.2. Seedtheme
ผู้พัฒนาธีม WordPress ฝีมือคนไทย ที่มีทั้งปลั้กอินสำหรับรองรับการชำระเงินในไทย และใช้งานได้ง่ายพอสมควร และด้วยการออกแบบที่เป็นภาษาไทยเป็นหลัก ทำให้ผู้ที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษก็สามารถใช้งานได้ง่าย
เป็นผู้พัฒนาธีม Divi ที่ทาง Marketing In Secret ได้ใช้งานอยู่กับเว็บไซต์ ณ ปัจจุบัน มีการใช้งานที่หลากหลาย ฟังก์ชันเยอะมาก ที่มาพร้อมกับ Layout แบบสำเร็จรูปให้เลือกอีกกว่า 200 แบบ นอกจากนี้ยังมีสีสันสดใส ใช้งานได้ง่าย ยืดหยุ่นอย่างมากสำหรับการใช้งาน และนอกจากนี้ทีม Elegant ก็ยังมี Plugin เสริมต่างๆ ให้คุณสามารถเลือกซื้อไปติดตั้งได้
หากใครกำลังสนใจดูธีมอยู่ แนะนำของ Divi เลย สามารถไปลองใช้งานการวาง Layout แทรกส่วนต่างๆ ปรับแต่งได้ แม้ยังไม่ได้ติดตั้งหรือซื้อได้ตามลิงค์
คอร์สเรียนแต่งรูปง่ายๆด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่ได้รูปมือโปร เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ
ปัจจัยในการเลือก Theme ให้เหมาะสม
การเลือกซื้อ Theme ที่เหมาะสมนั้นหลายคนอาจจะพลาดเพียงแค่มองวัตถุประสงค์การสร้างเว็บไซต์ของตัวเองอย่างเดียวเพียงเท่านั้น โดยบางคนเห็นว่า Theme ตัวนี้สวย เหมาะสมกับรูปแบบที่เราต้องการก็ซื้อเลย อันนี้อาจจะผิดหน่อย งั้นมาดูหลักๆ กันว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ Theme นั้นถึงจะน่าซื้อ
ดูยอดรีวิว ยอดขาย
การดูยอดรีวิวหรือยอดขายนั้น ก็ช่วยให้เราตัดสินใจซื้อได้มากยิ่งขึ้น เพราะถ้า Theme ดีคนก็ย่อมต้องซื้อเยอะ รวมถึงการรีวิวจากลูกค้าก็ทำให้เราสามารถไปอ่านข้อมูล ความคิดเห็น จุดเด่นจุดด้อยของ Theme ได้ นอกจากนี้หากซื้อมาแล้วเราใช้งานบางฟังก์ชันไม่เป็น ก็สามารถหาได้จาก YouTube หรือ Google ได้ทันทีอีกด้วย
ภาพด้านบนในกรอบสีแดง จะเห็นได้ว่ารีวิว 2,900 ครั้ง และซื้อไปแล้วกว่า 27,600 ครั้ง อันนี้ก็สามารถซื้อได้ เพราะมีคนใช้เยอะอยู่เหมือนกัน
ส่วนตัวจะเลือกซื้อธีมที่มีคนซื้อมากกว่า 10,000 ครั้งขึ้นไป เพราะจะเป็นหลักประกันได้ว่าผู้พัฒนาจะไม่หนีหาย เพราะมีคนมาซื้อเรื่อยๆ ทำให้มีเงินพัฒนาต่อได้เรื่อยๆ เช่นกัน
การอัพเดทธีม
การเลือกธีมจำเป็นจะต้องดูอัพเดทด้วยเหมือนกันว่าผู้พัฒนามีการอัพเดทสม่ำเสมอหรือไม่ หากไม่ได้มีการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอก็ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ และมีโอกาสที่จะถูกโจมตีจากแฮกเกอร์ได้เหมือนกัน
หากคุณเลือกซื้อ Theme ใน Themeforest สามารถเลือกกดเข้าไปที่ธีมที่เราต้องการ และดูการอัพเดทได้จากด้านขวามือเลย ตรงนั้นก็จะมีรายละเอียดบอกว่าธีมนี้อัพเดทเมื่อไหร่
การอัพเดทส่วนตัวแอดจะเลือกไม่เกิน 6 เดือนหรือ 1 ปี แล้วแต่ความนิยม หากนานกว่านั้นเราอาจจะตีได้ว่าผู้พัฒนาเลิกพัฒนาธีมนั้นแล้ว
Layout ที่เหมาะกับที่เราต้องการ
อีกจุดที่สำคัญคือ เราออกแบบเว็บไซต์หรือต้องการให้เว็บเราเป็นประมาณไหน ก็เลือกหาธีมที่มีความใกล้เคียงกับความต้องการของเรา แต่จริงๆ แล้ว WordPress สามารถปรับได้ค่อนข้างยืดหยุ่น เติมตรงนั้นตรงนี้ได้ตามความต้องการ เพราะ Theme ก็จะเป็นเหมือนไกด์เป็นจุดๆ ในการวางให้กับเรา หากไม่พอใจเราก็สามารถแอดเพิ่มเติมส่วนอื่นๆ ทีหลังได้
ส่วนเสริมอีกตัวที่สำคัญจะทำให้เว็บไซต์ของเราสมบูรณ์ได้คือ Plugin นั่นเอง อย่างเว็บขายของก็อาจจะต้องใช้ปลั้กอิน WooCommerce เข้ามาช่วยในการทำเว็บ เพื่อให้สามารถซื้อขายสินค้าบนเว็บได้เลย
อ่านบทความเกี่ยวกับ 10 Plugin ยอดนิยมบน WordPress
3. Theme ของเว็บไซต์ Marketing In Secret
ของ Marketing In Secret ใช้ Theme Divi จากทีม Elegant โดยตรงนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเว็บสำหรับขายของ ทำเว็บบทความ หรือทำเว็บสำหรับบริษัท
โดย Theme Divi ก็จะมีตัว Divi Builder ที่เป็นตัวจัดวางรูปแบบอัตโนมัติให้กับเราเลือกมากกว่า 20 รูปแบบ
นอกจากตัว Builder ที่ติดมากับ Theme แล้ว เรายังสามารถเลือกรูปแบบ Layout ต่างๆ ของเว็บไซต์ได้โดยมีให้เลือกอีกกว่า 200 รูปแบบให้เราเลือก อารมณ์คล้ายๆ กับเลือกซื้อธีมอื่นๆ เพิ่มเติม และเราก็ยังเลือกใช้ธีมที่ไม่เหมือนกันในแต่ละหน้าได้อีกด้วย
นอกจากความหลากหลายในด้านการจัดวางรูปแบบได้หลากหลายแล้ว ยังมีความสามารถในเรื่องของ Optimize เว็บไซต์เพื่อให้เว็บไม่หนัก และช่วยทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้นอีก และยังมีฟังก์ชันอื่นๆ ที่ครบถ้วนมากมายรวมอยู่ในตัว Theme Divi เหมือนกัน
เดียวจะทำบทความรีวิวธีม Divi ให้แบบเต็มรูปแบบแยกให้อ่านกัน เผื่อใครที่กำลังมองหาธีมแต่ไม่รู้จะใช้ตัวไหน เผื่อจะได้เป็นแนวทางให้กับหลายๆ คนได้ เพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะพอสมควร
สรุป
การเลือกธีมสำหรับทำเว็บไซต์ WordPress ก็มีหลักสำคัญๆ 3 อย่างคือ
1. รีวิวและยอดขาย
2. การอัพเดทธีม
3. Layout ที่เหมาะกับเราต้องการ
นอกจากที่ได้แนะนำแหล่งหาธีมเบื้องต้นแล้ว ยังมีธีมอืนๆ ที่ไม่ได้วางขายอยู่ในเว็บอย่าง Themeforest อีกด้วย หากใครซื้อจากข้างนอก อาจจะหาดูคำแนะนำจาก YouTube หรือลองค้นหาดูว่าถ้าสมมติเราใช้งานแล้วเกิดปัญหา เราจะหาข้อมูลหรือปรึกษาใครได้บ้างหรือไม่ หากไม่สามารถหาได้ ก็อาจจะต้องดูตัวอื่นไป
และที่สำคัญคือความสวยของเว็บไซต์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับธีมเป็นหลัก แต่ขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าจะออกแบบได้สวยหรือไม่ เพราะตัว WordPress เองก็ปรับ ตกแต่งได้ยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังมี Plugin อีกที่จะช่วยทำให้เว็บของเราสมบูรณ์ได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย